ปรับค่าแรงขั้นต่ำ400มีลุ้นนายกฯเน้นเป็นประโยชน์สมดุลทุกฝ่าย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความและภาพผ่านโซเชียล x.com และเฟซบุ๊กว่า

ช่วงบ่ายวันนี้ ท่านพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ​ได้มารายงานเรื่องแผนการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปี 2568 ที่ทางกระทรวงแรงงานได้ศึกษาถึงผลกระทบ ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างอย่างระมัดระวัง 

โดยการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทาง การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ที่จะประชุมในวันพรุ่งนี้นั้น น่าจะมีแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกัน ตลอดจนแต่ละภาคธุรกิจก็มีความจำเป็นที่แตกต่างกันไป 
 

ดิฉันขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พิจารณาถึงความเหมาะสม และมาตรฐานการครองชีพ สภาพเศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงความเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในจังหวัดนั้นๆ ประกอบการพิจารณาด้วยค่ะ
 

ที่มา  x.com , เฟซบุ๊ก

ก่อนหน้านี้ วันที่ 24 ธันวาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบข้อเสนอของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2568 ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ซึ่งเห็นชอบให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นในช่วง 7-55 บาทต่อวัน ส่งผลให้ค่าจ้างขั้นต่ำใหม่อยู่ระหว่าง 337-400 บาทต่อวัน จากเดิมที่อยู่ในช่วง 330-370 บาทต่อวัน

โดยมีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่อง ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ จะมีการทยอยปรับขึ้นตามแผนที่กระทรวงแรงงานจะชี้แจงต่อไป ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

รายละเอียดการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568

อัตรา 400 บาทต่อวัน:

จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดฉะเชิงเทรา

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดระยอง

อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อัตรา 380 บาทต่อวัน:

อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

อัตรา 372 บาทต่อวัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5):

กรุงเทพมหานคร

นครปฐม

นนทบุรี

ปทุมธานี

สมุทรปราการ

สมุทรสาคร

67 จังหวัดที่เหลือ: ปรับขึ้น ร้อยละ 2.0

บอร์ดค่าจ้างชี้ปรับขึ้นค่าแรงช่วยแรงงาน 3.7 ล้านคน

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้างกว่า 3.76 ล้านคน โดยพิจารณาจากค่าครองชีพ โครงสร้างทางเศรษฐกิจ และความสามารถของนายจ้างในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้กระจายอำนาจการพิจารณาไปยังอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:

• ความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง
• ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง
• ภาพรวมเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะติดตามผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของลูกจ้างและศักยภาพของนายจ้างในการดำเนินธุรกิจต่อไป