"ภัทรพงษ์" ฉะกองทัพ ซ้อมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่เสี่ยง ทำเกิดไฟป่า

นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร โพสต์ข้อความถึงกรณี ปัญหาไฟป่าหลังมีการซ้อมยิงปืนใหญ่ของกองทัพทำให้เกิดไฟป่าและส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยระบุว่า ปัญหาไฟป่า 2 กองทัพซ้อมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่เสี่ยงไฟป่า

ปัญหาที่ตนได้เคยหารือกับทางกองทัพไปแล้ว พูดดีๆก็แล้ว อธิบายด้วยเหตุผลก็แล้ว กองทัพเหมือนจะตอบรับ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ฟัง ยังซ้อมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่เสี่ยงไฟป่า ใน ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และก็เกิดไฟป่าในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นจริงๆ

ต้องอธิบายก่อนว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นใหม่ ปีที่แล้วก็เกิดเหตุแบบนี้ ตนในฐานะประธานอนุกรรมาธิการไฟป่าจึงได้เชิญทั้งตัวแทนประชาชนในพื้นที่และตัวแทนจากกองทัพมาหารือในอนุกรรมาธิการในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.67  และลงดูปัญหาในพื้นที่จริง ตั้งแต่ช่วงม.ค.68 และก็ได้พูดคุยกับตัวแทนจากกองทัพอีกครั้ง

โดยตนได้อธิบายถึงที่มาของปัญหา ความจำเป็นที่กองทัพต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งผู้แทนจากกองทัพก็ได้ตอบรับที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนการซ้อมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่เสี่ยงไฟป่าดังกล่าว รวมไปถึงการตรวจสอบ “บ้านเรือน” ของประชาชนที่เสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของการซ้อมยิงปืนใหญ่ และการเก็บกู้ซากกระสุนปืนใหญ่ที่ตกค้างในป่าเป็นอันตรายกับประชาชนในพื้นที่รวมถึงเจ้าหน้าที่อุทยานฯที่ต้องดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้อีกด้วย

พื้นที่ดังกล่าวมีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และเป็นการซ้อมยิงเข้าพื้นที่อุทยานฯ (ผิดกฎหมายอุทยานฯมาตรา 19 หรือไม่??) แต่แล้ววันที่ 10-13 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ยังมีการซ้อมยิงปืนใหญ่โดยกรมทหารราบที่ 7 กองทัพบกไทย ในพื้นที่ ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แล้วก็เกิดไฟป่าขึ้นจริงๆในพื้นที่

ตรวจพบโดยทั้งดาวเทียมของ GISTDA และ NASA อย่างชัดเจน และยังเป็นการซ้อมทั้งๆในช่วงเวลาที่ข้อมูลดัชนีความรุนแรงของไฟ (Fire Weather Index)ในพื้นที่อำเภอจอมทองอยู่ในเกณฑ์ “รุนแรง” (Extreme) อีกด้วย

ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่และประธานคณะอนุกรรมาธิการไฟป่า ขอเรียกร้องให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายกับกองทัพอย่างเท่าเทียม ดังเช่นประชาชนทั่วไป ตามกฎหมายอุทยานฯ และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่า เหตุใดกองทัพถึงมีอภิสิทธิ์อยู่เหนือประชาชน และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการอะไรก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต และทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เดือดร้อนเช่นนี้

สุดท้ายไม่ว่าไฟป่าครั้งนี้จะเกิดจากการซ้อมยิงปืนใหญ่ของกองทัพหรือไม่ แต่การซ้อมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงไฟป่าสูง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรปฏิบัติอย่างแน่นอน