posttoday

'พรรคประชาชน' ชี้ 3 ปัญหา 'ค่าแรงขั้นต่ำ' หลังบอร์ด เคาะ ขึ้นบางพื้นที่

25 ธันวาคม 2567

'พรรคประชาชน' ชี้ 3 ปัญหา 'ค่าแรงขั้นต่ำ' นโยบายไม่ตรงปก หลังบอร์ดค่าจ้าง มีมติที่ประชุม ขึ้นแค่ 4 จังหวัด 1 อำเภอ

นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ในการหาเสียง โดยพรรคเพื่อไทยได้ประกาศผ่านสื่อโซเชียลเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2567 และยังประกาศปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ รวมถึงขึ้นเงินบำนาญขั้นต่ำ 

 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า ผู้ใช้แรงงานไทย เตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการทยอยปรับขึ้นเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ นอกจากนี้ รัฐบาลจะทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิ ได้เเก่

 

-ผู้ที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาตรีจะมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท

 

-ผู้ที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับ ปวช. จะมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 11,000 บาท ภายใน 2 ปี และปรับอัตราเงินเดือนของคุณวุฒิอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน รวมทั้งปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุดังกล่าวภายในช่วงระยะเวลาเดียวกันด้วย

 

อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ที่มีมติปรับค่าจ้างขั้นต่ำ บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยพื้นที่ ที่ปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวัน มีเพียง 4 จังหวัด 1 อำเภอ ซึ่งไม่ตรงกับที่รัฐบาลเคยประกาศว่าจะปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ ทำให้นโยบายดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

 

ล่าสุด 24 ธ.ค. นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า แม้จะยินดีกับการปรับขึ้นค่าแรง แต่การปรับครั้งนี้สะท้อนปัญหาอย่างน้อย 3 ประการ

 

1.ความเท่าเทียม

แม้จะมีบางพื้นที่ที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปถึง 400 บาทต่อวัน แต่ค่าแรงในตลาดแรงงานของจังหวัดนั้นๆ ล้วนแต่เกิน 400 บาทอยู่แล้ว การขึ้นเช่นนี้แทบไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาลว่าพยายามทำให้ค่าแรงถึง 400 บาทแล้ว แม้จะทำได้แค่เพียง 4 จังหวัดอุตสาหกรรมใหญ่ กับ 1 อำเภอการท่องเที่ยว 

 


หรือการประกาศแค่บางอำเภอ ก็เป็นปัญหาอย่างมาก เช่นกรณีอำเภอเมืองเชียงใหม่กับอำเภอแม่ริมที่มีพื้นที่ห่างกันแค่ 1 เกาะกลางถนนกั้น แต่ค่าจ้างขั้นต่ำต่างกัน 23 บาท การใช้อำเภอเป็นเขตกำหนดค่าแรงขั้นต่ำจึงสะท้อนถึงการจัดสรรที่ไม่เท่าเทียมและไม่เข้าใจปัญหาของรัฐบาล
 

 

2.ความทั่วถึง

ตนและพรรคประชาชนเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ลำพังการขึ้นค่าแรงโดยไม่มีมาตรการลดค่าครองชีพอื่นๆ ควบคู่กัน ย่อมไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชน เช่น มาตรการควบคุมราคาสินค้า ราคาสาธารณูปโภค ค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศโดยเฉพาะนายทุนจำนวนหนึ่งที่อาศัยช่วงจังหวะของการขึ้นค่าแรง ขึ้นราคาสินค้าไปพร้อมกัน 

 


สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงคือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นหลายรายการ เวลาที่ประกาศขึ้นราคานั้น เป็นการขึ้นทั่วประเทศ ไม่ได้ขึ้นเฉพาะจังหวัดที่มีค่าแรงเพิ่มขึ้นถึง 400 บาท ปัญหาดังกล่าวจะทำให้ช่องว่างระหว่างรายได้กับค่าครองชีพถ่างกว้างขึ้นไปอีก ในบางจังหวัดที่ขึ้นค่าแรงในอัตราต่ำ นอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตแล้วยังเพิ่มความเหลื่อมล้ำของพี่น้องประชาชน

3.ความเท่าทัน

การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทในบางจังหวัดนั้น ไม่เท่าทันต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะเมื่อกลับมาดูค่าเฉลี่ยของค่าจ้างที่ปรับขึ้น เทียบกับอัตราค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งราคาอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ราคาพลังงาน รัฐบาลจึงควรมีมาตรการในการลดค่าครองชีพอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะค่าไฟ ค่าพลังงาน สาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อลดช่องว่างระหว่างรายรับกับรายจ่ายของประชาชนลง

ข่าวล่าสุด

อาลัยวีรชน “เนิน 350” อนุทินลั่นไม่ทิ้งญาติ ย้ำรัฐเยียวยาเต็มที่