posttoday

"พิธา"ประชุมสมาชิกก้าวไกลสกลนคร แจงที่มาอภิปรายกระดุม 5 เม็ด

23 มิถุนายน 2567

"พิธา"ประชุมสมาชิกก้าวไกลสกลนคร แจงที่มาอภิปรายกระดุม 5 เม็ด-เป็นหนี้บุญคุณชาวสกล พร้อมปลุกใจหลังมีความเสี่ยงพรรคถูกยุบ ยัน ส.ส.ยังทำงานเต็มที่ ไม่หวั่นไหวหรือต้องขายวิญญานเพื่อให้พรรคอยู่รอด

     ช่วงเช้าวันนี้ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วย ณรงค์เดช อุฬารกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคก้าวไกล ประจำจังหวัดสกลนคร ที่ โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ โดยมีสมาชิกมาเข้าร่วมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนพรรคอย่างพร้อมเพียง

    โดยนายพิธา กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า วันนี้ต้องการมาแสดงความขอบคุณพี่น้องชาวสกลนคร ขอบคุณสมาชิกพรรคก้าวไกลที่สกลนคร และร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดตั้งสาขาพรรค เพราะตัวเลขสมาชิกพุ่งขึ้นเรื่อยๆจนน่าประทับใจ และมาอัพเดรตสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง 

    นายพิธา บอกว่า หากพูดในอดีต ‘ถ้าไม่มีสกลนคร ไม่มีพิธา’ เพราะตอนที่พี่น้องชาวกลนครไว้วางใจชาวอนาคตใหม่ในอดีตได้คะแนนมา 80,000คะแนน ทั้งที่เป็นพรรคใหม่ และในช่วงนั้นตนเองจะต้องอภิปรายในสภา เพราะดูเรื่องเกษตร ก็นั่งรถทัวร์มาหาข้อมูลในพื้นที่จากชาวสกลนคร มาถึงก็ไปดูหนองหาญ ไปกินไข่กระทะ และไปดูเรื่องการเกษตร และมีคำถามเกิดขึ้นในวันนั้นว่าชาวนาที่ส่งออกในประเทศไทยจริงๆมีกี่คน โดยเฉพาะการพูดถึงโฉดนดที่ดินของชาวนา และการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพราะ3ใน4ของคนไทยไม่มีที่ดินของตัวเอง และพอทำนาได้ก็ไม่มีเงินเก็บเพราะต้องเอาไปลงทุนค่าปุ๋ยค่ายา 

   “ที่บอกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่สมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีหนี้ จนทำให้ชาวนาเขาไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ”

    ซึ่งทำให้จากการลงพื้นที่ในครั้งนั้น เกิดเป็นการอภิปรายกระดุม5เม็ด ในสภา ทำให้ความเป็นสส.ของตนเองเป็นหนี้บุญคุณชาวสกลนคร

   อีกทั้งยังได้ความรู้เรื่องของกัญชา เรื่องการใช้แรงงานในอิสราเอล ทำให้ตนเองรู้ว่า หากกลับไปพูดอะไรในสภาต้องมาหาประชาชนก่อน ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่ได้เป็น สส.ที่น้ำเต็มแก้วเพราะเรียนรู้ตลอดเวลา และนำไปพูดเพราะความเชื่อจริงๆ

   นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า หากพูดถึงความเป็นปัจจุบันของสกลนคร เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้มา 2แสนคะแนน และเชื่อว่าหากในอนาคตไม่ปล่อยมือครั้งหน้าจะมากขนาดไหน ถึงจะมีความพยายามในการยุบพรรคของเราอีกครั้ง 2พรรคใน5ปี ก็ไม่เป็นไร พรรคเราเป็นพรรคคนตัวเล็ก สส.ก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือต้องขายวิญญานเพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ 

    และถึงแม้จะเป็นความเสี่ยงว่าอาจจะยุบหรือไม่ยุบก็ได้ แต่ก็ยังเป็นความเสี่ยงอยู่ แต่สมาชิกของเราในภาพรวมปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งเป็นการให้กำลังใจการทำงานกับพรรคก้าวไกล จึงต้องขอขอบคุณทุกคน

    “ในอดีตไม่มีสกลนครไม่มีพิธา และในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ทำงาน ไมาค้องกังวลว่านโยบายเราตะเปลี่ยนไป  ยังคงดูแลพี่น้องแรงงาน พี่น้องเกษตรกร คนตัวเล็กตัวน้อย และเสียงของคนที่ไม่ดังพอต่อไปในสังคมของเรา ก็จะยังคงทำงานต่อไป”

    ส่วนอนาคตในวันที่ 3 ก.ค.หรือ 9 ก.ค. ตนมองว่า วิธีการปลุกใจและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ดีที่สุด คือความซื่อตรงและอธิบายด้วยความเข้าใจ ที่ไม่ได้เป็นการละเมิดศาลหรือเอาความคิดของศาลมาเล่าให้ฟัง โดยในวันที่ 3ก.ค.จะมีการพิจารณาต่อขิงศาลรัฐธรรมนูญ  ส่วนวันที่9 ก.ค.จะมีการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งก็น่าจะเป็นพยานเอกสารหรือพยานที่อาจจะมีโอกาสได้พูด 

   “จะมีโอกาสในอนาคต ในการไต่สวน จะมีโอกาสให้ผมได้ขึ้น ว่าความอธิบายถึงเจตนาของพรรคก้าวไกลกรือพยานหลักฐานของพรรคก้าวไกล หรือระเบียบของกกต.ที่ยื่นยุบเราอย่างที่เคยแถลงหรือไม่”

    ซึ่งเราก็พยายามสู้เต็มที่ในหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะศาลบอกว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นชี้นำ ตนเองจึงเอาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟัง และเรายังคงสู้มาตลอด โดยเฉพาะสกลนครได้มากว่า2แสนคะแนน ดังนั้นจึงต้องมีความเป็นธรรมที่สามารถอธิบายเหตุและผลของเราได้ จึงต้องมีมิติการต่อสู้ทางกฎหมาย9มิติ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การทำให้สังคงทำมห้ประชาชนเห็นว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่มีประโยชน์มากกว่าการไม่มีพรรคก้าวไกล

   นายพิธา กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าก้าวไกลเป็นพรรคใหม่อยู่มา5ปีถ้าเทียบกับพรรคอื่นๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่หากดูในเชิงรัฐศาสตร์ การมีอยู่ของพรรคก้าวไกลดีต่อสังคมไทยมากกว่าการไม่มี ต้นทุนการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่า ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นดุลยพินิจของศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้ 

    แม้เราจะพร้อมทุกสถานการณ์ แต่ในการมีการประชุมทุกภาค มันคือโครงสร้างของพรรค ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรค ก็ไปต่อได้

    ซึ่งตอนพรรคอนาคตใหม่ตนเองจำได้ว่ามีคนพูดว่าทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากมากกว่าที่กฎหมายกำหนด  ก็เพราะคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคแข็งแรง ถึงแม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำลาย รากฐานของพรรคก็ยังไปต่อได้

    “เขาอยากจะตีหัวผม หัวอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวคนใหม่ที่เก่งกว่ามา แต่รากฐานก็คือพี่น้องประชาชนมีสมาชิกพรรค ที่ยังไม่หวั่นไหว ยังคงเข้มแข็ง และลงรากลึกไปแล้ว อีกหน่อยก็เหมือนต้นไม่ที่ผลิใบในทุกฤดู แต่รากไม่ได้เป็นพิษ รากแข็งแรง รากเต็มไปด้วยสารอาหาร รากเต็มไปด้วยความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด แบยที่เราคิดว่าประเทศไทยควรจะเป็น เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะออกมาเป็นแบบไหนพวกเราทุกคนไปต่อได้อย่างแน่นอน ผมฟันธง”