“ปิยบุตร” ผิดหวังมติพรรคก้าวไกลจัดการ ส.ส.คุกคามทางเพศ
“ปิยบุตร” ผิดหวังมติ “ก้าวไกล” จัดการ สส.คุกคามทางเพศ เหน็บ สส.ถูกร้อง “ปูอัด-วุฒิพงศ์” หากมีความรับผิดชอบ-รู้จักมาตรฐานใหม่ ลดหัวโขน ทำนายไปต่อทางการเมืองยาก
จากกรณีที่ 2 สส. ของพรรคก้าวไกลถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ คือ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี และไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม คณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการประชุมกันเมื่อวานนี้ และเห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีความผิดจริง และมีมติให้ขับออกจากพรรคก้าวไกล ตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในการที่จะขับสมาชิกพรรคให้พ้นจากพรรคจะต้องอาศัยเสียง 3 ใน 4 ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งจากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน ผลจากการพิจารณาในที่ประชุมร่วมเห็นตรงกันว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินัยของพรรคอย่างร้ายแรง โดยมีโทษสูงสุดคือ ขับให้พ้นจากสมาชิกพรรค และโทษรองลงมาคือตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด รวมถึงมีการคาดโทษตามแต่กรณี
โดยผลการลงมติให้ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี พ้นจากสมาชิกพรรคก้าวไกล ด้วยมติ 120 เสียง ส่วน ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม. เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ซึ่งคือ 116 เสียงของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส. ที่มีอยู่ จึงไม่สามารถขับออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวิตข้อความผ่าน x ถึงกรณีผลการลงโทษ สส.คุกคามทางเพศของพรรคก้าวไกล ว่า การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้
หากพรรคก้าวไกลต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงาน ให้ได้ ตามที่โฆษณาไว้จริง
ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก)
แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก ส.ส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน ส.ส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง ส.ส. ให้น้อยลงบ้าง ส.ส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม ส.ส.ต้องมาลงมติ
เหตุการณ์คราวนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่มีใครได้ มีแต่เสียกันทุกฝ่าย
ผู้ร้อง ผู้เสียหาย ถูกกระทำ และถูกกระทำซ้ำอีกทุกครั้งเมื่อต้องชี้แจงหรือถูกสื่อตามสัมภาษณ์ และถูกกระทำซ้ำๆอีก เมื่อไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ
พรรคก้าวไกลเสียหาย ถูกโจมตี วิจารณ์ ไม่ใช่แค่กรณีเรื่องการคุกคามทางเพศเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ไว้ใจ ไม่มั่นใจ ที่จะให้ลูกหลานของเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัครหรือทำงานกับคนของพรรค
ส.ส.ผู้ถูกร้อง เมื่อไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็จะถูกตำหนิประณามไปตลอด อนาคตทางการเมืองน่าจะไปต่อได้ยากมาก
ส.ส.ในพรรค ต้องมาประชุม อภิปราย ลงมติ เกิดความแตกแยก กินแหนงแคลงใจกันในพรรค
พนักงานพรรค ทีมงาน เสียความเชื่อมั่น ความนับถือในตัว ส.ส. ไม่อยากปฏิบัติงานให้อีกต่อไป เสียกำลังใจและหมดพลัง
ทั้งหมดนี้ คือ ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ
เช่นเคย ผมเห็นมี ส.ส.ไม่กี่คน ส่วนมากเป็น ส.ส.หญิง ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย แสดงความรู้สึกออกมา
แต่ระดับนำ แสดงออกน้อยมาก หรือแทบไม่มี