posttoday

“จตุพร-ทนายนกเขา” ร่วมปราศรัยม็อบหนุนปาเลสไตน์ ยันไม่เลือกข้าง

21 ตุลาคม 2566

จตุพร พรหมพันธุ์-นิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) ร่วมปราศรัยม็อบสนับสนุนปาเลสไตน์ แสดงจุดยืนเรื่องสันติภาพ ยันไม่เลือกข้าง แต่มาฟังเสียงสะท้อนของผู้ถูกกดขี่

จากสถานการณ์กลุ่มชาวปาเลสไตน์ - กลุ่มชาวมุสลิมในประเทศไทย นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าสถานทูตอิสราเอลเพื่อประท้วงการเหยียดเชื้อชาติพันธุ์ และเรียกร้องให้หยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา  พบว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้าร่วมปราศรัยในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย โดยกล่าวถึงการถูกกดขี่ของชาวปาเลสไตน์

นายจตุพร ระบุว่า ตนเองเป็นคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ในทุกมุม ดังนั้นจะเชื่อแค่ตอนใดตอนหนึ่งไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน และประเทศไทยก็มีพี่น้องมุสลิมจำนวนมาก หากคนมุสลิมไม่ต่อสู้การกดขี่จะกลายเป็นเรื่องแปลกในประเทศไทย 

ในฐานะที่เป็นนักต่อสู้เคลื่อนไหวเรื่องการกดขี่ในประเทศมาตลอด ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้การกดขี่ในต่างประเทศ เพราะถือเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ผู้นำชาวมุสลิม ยังพยายามเต็มที่ในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยอยู่ ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงจะเข้าใจเป็นอย่างไร คนไทยไม่ได้เชื่อด้านเดียว ไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่เป็นเพราะเราติดกระดุมเม็ดแรกผิดจากทวิตของนายกรัฐมนตรีหลังจากเกิดเหตุ พร้อมมองว่า การดำเนินการของรัฐบาลในปัจจุบันยังมีความล่าช้าในหลายเรื่อง

“จตุพร-ทนายนกเขา” ร่วมปราศรัยม็อบหนุนปาเลสไตน์ ยันไม่เลือกข้าง

ขณะที่ ทนายนิติธร เผยว่า เป้าหมายของการทำกิจกรรมวันนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกข้างปาเลสไตน์ แต่เป็นการต่อต้านการกดขี่ โดยมองว่าการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อทำร้ายใคร ซึ่งหากเทียบกับการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความประณามการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสก่อนหน้านี้ ถือว่าการชุมนุมวันนี้ยังเทียบไม่ได้ ดังนั้นประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะการชุมนุมวันนี้มีการประสานฝ่ายความมั่นคงรวมถึงเรื่องการช่วยเหลือคนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 

ตนมาในวันนี้เพื่อแสดงจุดยืนเรื่องสันติภาพที่ทั่วโลกมีหลักธรรม มีความเชื่อ มีศาสนาทุกพื้นที่ แต่ไม่ควรมีการกดขี่กัน ดังนั้นการปลดปล่อยการกดขี่ จะเป็นเรื่องที่นำโลกนี้ไปสู่สันติภาพได้อย่างแท้จริง ถ้าวันนี้พื้นที่ปาเลสไตน์และอิสราเอลสงบได้ ก็เกิดสันติภาพได้ เพราะนี่เป็นความขัดแย้งใหญ่ ถ้าเกิดได้จริงทั่วโลกก็สงบได้

หากไม่เคลื่อนไหวพี่น้องชาวมุสลิมในประเทศไทยกว่า5ล้านคนจะทำอย่างไร และวันนี้คนอิสราเอล อเมริกา คนยุโรปในประเทศไทย ก็ไม่มีใครไปทำร้าย ดังนั้นการแสดงออกจึงเป็นการแสดงออกอย่างสันติวิธีมาโดยตลอดเพราะนี่คือพื้นฐานคนไทย  เพราะคนไทยเป็นมิตรกับทุกคนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร รักความเป็นธรรม เชื่อมั่นในเสรีภาพ และสันติภาพ ถ้าทุกคนเข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็จะไม่มีปัญหาและจะกลายเป็นพลังร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี

การมาร่วมกิจกรรมวันนี้ ตนไม่ได้เลือกอยู่ข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และเนื้อหาที่แท้จริงของการทำกิจกรรมคือการปลดปล่อยการกดขี่ เพราะปาเลสไตน์ อิสราเอล เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งมนุษยชาติเรียกร้องเรื่องนี้มานานมาก นี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีการเรียกร้อง

นายจตุพรเสริมว่าแนวทางที่จะทำให้เกิดสันติภาพใน 2 ประเทศนี้ได้ คือต้องมองด้วยความเข้าใจ แม้ว่าเราจะเป็นคนนอก ทุกคนต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการการเข่นฆ่า และหวังว่าสงครามนี้จะไม่ขยาย เพราะหากมีการขยาย ก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงไทยหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งประชุมเรื่องความพร้อมแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกมิติ หากสงครามไม่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดี นี่ไม่ใช่การสร้างความตระหนก แต่ต้องการสร้างความตื่นตัวเพื่อรองรับในทุกสถานการณ์