"เพื่อไทย" ควง "ชาติไทยพัฒนา" แถลงจัดตั้งรัฐบาล
"เพื่อไทย" ควง "ชาติไทยพัฒนา" แถลงจัดตั้งรัฐบาล รวมยอดได้ 238 เสียง พร้อมยันยังไม่ทาบ 3 พรรคเพิ่มเติม แค่ตระเวนขอเสียงหนุนโหวตนายกฯ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ประกอบด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และนายนิกร จำนง ผอ.พรรค ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายวราวุธ กล่าวขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ส่งไมตรีจิตให้และมีเทียบเชิญให้พรรคชาติไทยพัฒนามาร่วมรัฐบาล เนื่องจากมีแนวคิด นโยบายและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน สามารถทำงานด้วยกันก็น่าจะเป็นผลดีกับประเทศที่สุด เรายินดีตอบรับคำเชิญ และเชื่อมั่นในศักยภาพพรรคเพื่อไทย ที่จะสร้างความมั่นคงและเดินหน้าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในมิติต่างๆ
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวขอบคุณนายวราวุธ และตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ตอบรับคำเชิญ พร้อมอ่านคำแถลงการณ์ของ 2 พรรค ว่า สถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสำคัญคือ
1. วิกฤตรัฐธรรมนูญ
2.วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน
3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม
พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้ โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้ง สส. จากพรรคการเมืองต่างๆ และ สว. เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศนำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ดังนั้น
การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด
พร้อมขอวิงวอนให้ประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ ช่วยกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติในเร็ววัน
เมื่อถามว่า การที่เพื่อไทยไปเชิญก้าวไกล มาร่วมโหวต เป็นห่วงไหมว่าจะมาร่วมรัฐบาลภายหลัง
นายวราวุธ กล่าวว่า การที่แต่ละพรรคมีการแสดงเจตจำนงร่วมกัน และก็เป็นหน้าที่ของทุกพรรคที่ต้องช่วยกันหาคะแนนเสียงโหวตเลือกนายกฯ ให้ได้เกิน 375 เสียง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค แต่เมื่อร่วมกันทำงานแล้วก็ต้องพยายามช่วยกันหาคะแนนเสียง จึงไม่น่าจะเป็นปัญหา
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าการถอยของพรรคก้าวไกล คือไปเป็นฝ่ายค้านปลอมๆ ทำให้ สว. กังวล
นพ.ชลน่าน บอกว่า เพื่อไทยกับก้าวไกลพยายามจัดตั้งรัฐบาลแล้ว โดยก้าวไกลเป็นแกนนำซึ่งมีทั้งหมด 8 พรรค 312 เสียง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงในรัฐสภา จากนั้นพรรคเพื่อไทยได้รับการส่งมอบให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อ ภายใต้เงื่อนไขไม่แก้ไขมาตรา 112 ก็พยายามถึงที่สุดในการขอคะแนนจากทุกภาคส่วน แต่ถ้าเดินหน้าแล้วได้แต่ 320 เสียง ก็ต้องหาความร่วมมือจากทุกพรรคที่ได้ดำเนินการอย่างเปิดเผย ก็ต้องหาเสียงจากพรรคอื่น ภายใต้เงื่อนไขไม่มีพรรคก้าวไกล ก็จำยอมต้องทำ เราไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล ไม่เคยปฏิเสธเสียงที่ประชาชนให้มา แต่ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเพื่อไทยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้นการที่เราแสวงหาเสียงเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมอีกครั้ง เพื่อปลดล็อคกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงขอความร่วมมือจากเอกสิทธิ สส. ทุกพรรค โดยวานนี้ที่ไปพบก้าวไกล ก็แค่สอบถาม ขอความร่วมมือว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะมาปลดล็อคกับเงื่อนไขที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เชิญชวนให้ก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีพันธะสัญญาในการร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ซึ่งความกังวลของส.ว. บางส่วน เราสามารถตอบคำถามได้ โดยพฤติการณ์และพฤติกรรม ก็ขอให้มั่นใจ
ขณะที่ นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า การคุยกับพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะเพื่อไทยไปทุกพรรคทุกฝ่ายเพราะต้องการสลายขั้วความขัดแย้ง อีกทั้งยังย้ำว่าไม่ได้เชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน เมื่อวานคือการรับฟังความเห็นเพื่อให้การตั้งรัฐบาลครั้งนี้สามารถสร้างมิติการเมืองใหม่ โดยจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ วันนี้ขอแก้ไขวิกฤติประเทศ ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องอื่น หรือผลประโยชน์ของพรรคในเรื่องตำแหน่ง ครม. อีกทั้งยังไม่ได้มีการพรรคใดมาร่วมรัฐบาลอีก แต่เป็นการขอคะแนนโหวต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปพบกับทุกพรรคหมดแล้ว แต่เรายังไม่หยุดคิดที่จะดำเนินการ เพราะยังมีเวลาในการพูดคุยคู่ขนาน จนกว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นการขอให้แสดงเจตจำนงไม่ใช่การคาดคั้น และขอให้พิสูจน์ในวันโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามว่า ตอนนี้เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ จะไปเจรจามาให้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพื่อการันตีไม่ต้องใช้เสียงส.ว.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไม่ได้เรียนเชิญใครร่วมรัฐบาลชัดเจน แต่คือการเชิญให้มาช่วยกันโหวตให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค แต่ตอนนี้ขอย้ำว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนเสียงจะเด็ดขาดหรือไม่ พรรคเพื่อไทยมีทางเลือกจำกัด เราพยายามเลือกทางที่มีความเป็นไปได้ พร้อมย้ำสามารถเลือกนายกฯ จากเราม้วนเดียวจบได้
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีคนบอกว่า เป็นเพื่อไทยการละคร
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นักการเมืองที่อาสามารับใช้ประชาชน ก็ต้องรับฟังในทุกเสียงทุกเสียงทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนจะถูกใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของแต่ละคน เราไปปิดกั้นการแสดงความเห็นไม่ได้
ส่วนที่ สส.ก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊กถามประชาชนในการโหวตเลือกนายกฯ ให้เพื่อไทย แต่เสียงตอบรับส่วนใหญ่คือไม่มให้โหวตให้นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถือเป็นช่องทางในการสอบถามและประกอบการตัดสินใจ แต่ประชาชนไทยมี 67 ล้านคน ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองก็มีผู้สนับสนุนของตัวเองที่เป็นกลุ่มก้อน แต่ถ้าก้าวไกลมีข้อเสนออย่างไรเรายินดีรับฟัง ถ้าตอบมาว่าไม่สามารถที่จะโหวตได้ เราก็จะได้ใช้ทางเลือกอื่นในการทำงานต่อไป แต่อย่าพูดว่าเพื่อไทยไปเล่นละคร เอามาเป็นข้ออ้างในการร่วมกับ พรรคการเมืองอื่น เพราะเราทำบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าเราไม่ทำจะถูกตำหนิ แต่ถ้าทำแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร ก็ใช้ประกอบการตัดสินใจเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล