กองปราบขยายผลคดีอดีตพระคมพบทองแท่ง-เงินสดร่วม100ล้านฝังดินหลังวัด
กองปราบฯขยายผลหาทรัพย์สินอดีต“พระคม”พบทองคำแท่ง เงินสดอีก 80 ล้านบาทถูกฝังดินภูเขาหลังวัด ขณะที่เจ้าตัวสารภาพสอดคล้องข้อมูลสืบสวน พบบัญชีวัด 6 เล่ม ยันทำตามพยานหลักฐาน ส่วนปมเสพเมถุนทำมานานแล้วตั้งแต่เรียนเปรียญนักธรรม ทั้งพระสงฆ์-ฆราวาส
ตำรวจเร่งขยายผล และตามหาทรัพย์สินของอดีตพระคมกับพวก ที่คาดว่ายังมีซุกซ่อนอยู่
ล่าสุด พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าอดีตพระคมกับพวก ซึ่งในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้คุมตัวส่งศาลฝากขังผัดแรก
จากการขยายผลการตรวจค้นวัดเมื่อวานนี้ พบทองคำแท่งจำนวนหนึ่งมูลค่า 19 ล้านบาท พร้อมเงินสด 80 ล้านบาท ถูกฝังดินภูเขาหลังวัด และจากเมื่อวันก่อนพบเงินสดที่พบในบ้าน น้อง สาว 51 ล้านบาทเงินในบัญชี 70 ล้าน บาท รวมทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท ที่ยังหลงเหลือ
“วันนี้มีการตรวจค้นวัด และเปิดตู้เซฟบางส่วนเพื่อหาทรัพย์สินอย่างละเอียด รวมถึงหลักฐานในการประกอบสำนวนคดีเอาผิดอดีตพระคม กับพวก ซึ่งเจ้าตัวก็ให้การรับสารภาพสอดคล้องกับข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ วัดดังกล่าวมีบัญชีทั้งหมด 6 เล่ม ซึ่งหากอดีตพระคมบริสุทธิ์ใจจริง ควรนำทรัพย์สินเข้าบัญชีวัดทั้ง 6 เล่มนี้ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาที่ยังคลางแคลงใจการทำงานของตำรวจ ยืนยันว่าทำตามพยานหลักฐาน และคำให้การรับสารภาพของตัวอดีตพระคมกับพวก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องไม่จริงตำรวจจะนำหลักฐานเป็นทรัพย์สินจำนวนมากมาจากไหน ส่วนการเสพเมถุนของอดีตพระคม พบข้อมูลว่ามีการเสพเมถุนมาตั้งแต่สมัยเรียนเปรียญนักธรรมมานาน มีทั้งพระ และฆราวาส ซึ่งการเป็นLGBTถือว่าไม่ได้ผิด แต่ในเมื่อครองสมณสงฆ์ก็ไม่สมควรครองผ้าเหลือง”พล.ต.ท.จิรภพ
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ควบคุมตัว อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ อดีตพระคม คงแก้ว และนางสาวจุฑาทิพย์ น้องสาวของอดีตพระคม ผู้ต้องหาร่วมกันยักยอกเงินวัดป่าธรรมคีรี ไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ตามคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์แห่งคดีสรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครองเงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมา เป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ด้วยการถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม
เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคม สั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้นางสาวจุทาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระ ตามสถานที่ต่างๆ ใน จังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน จากนั้นนางสาวจุฑาทิพย์ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้านของตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามตรวจค้นบ้านพักพบเงินสด เป็นเงิน51 ล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย182 ล้านบาทเศษ
พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องห่าทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสาม จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวนมีกำหนด 12 วันและขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามว่า คดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามถูกควบคุมตัวนั้นมีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาคมาจากประชาชนนำออกไปเตรียมจะชุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมา อดีตพระคมกับพวก ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระบุเหตุผลว่าผู้ต้องหาทั้งสามมิได้กระทำความผิด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหา ทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 อาศัยโอกาสกระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน
พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสดและความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว อดีตพระคม กับพวก ไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป