ลิณธิภรณ์ แนะ ธนกร ศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ก่อนวิจารณ์ไม่สร้างสรรค์
ลิณธิภรณ์ สวนกลับ ธนกร ศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บ. ก่อนวิจารณ์ไม่สร้างสรรค์ เย้ย พรรคพลังประชารัฐ เก่าหาเสียงปี 62 ไม่ทำ ยังกล้าสอนคนอื่น
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างชาติ ตั้งข้อสงสัยที่มาของเงินในการดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมกล่าวพาดพิงว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนจะพ้นความยากจนโดยไม่ต้องพึ่งพาบัตรคนจน เป็นการพูดในจินตนาการนั้น ก่อนที่นายธนกรจะวิพากษ์วิจารณ์ ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบคอบ หากฟังไม่ได้ศัพท์อาจจะสร้างความสับสนให้กับสังคมได้ แนวคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หาเสียงนโยบายบัตรคนจนพลัส 1,000 บาท เป็นการแจกสงเคราะห์เฉพาะคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของพรรคเพื่อไทยด้วยหลากหลายนโยบาย
โดยนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี อย่างกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จับจ่ายกับร้านค่าชุมชน ในรัศมีจากที่อยู่ตามบัตรประชาชนไม่เกิน 4 กิโลเมตร ในระยะเวลา 6 เดือน เป็นนโยบายที่มีพลังในการกระตุกเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้โงหัวขึ้น ผ่านการกระจายรายได้ไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รายได้จะเกิดขึ้นในท้องถิ่น และเกิดการหมุนรอบของเศรษฐกิจ และเมื่อประกอบรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใน 4 ปี ทั้งการปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำผู้จบปริญญาตรีมาอยู่ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นมาอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน รายได้เกษตรกรที่จะปรับขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เติมเงินให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ปรับราคาแก๊ส ค่าพลังงานลดลงทันที การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ฯลฯ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีปรัชญาและแนวคิดที่แตกต่าง การแจกทีละเล็กน้อยจึงเป็นเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม ไม่มีพลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาการทรุดหนักได้เพียงพอ พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้จริง ทำมาแล้วและพร้อมทำอีก
ส่วนข้อสงสัยของนายธนกรถึงแหล่งที่มาของงบประมาณในนโยบายดังกล่าวนั้น ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องอยู่ในจินตนาการอย่างที่นายธนกรกล่าวอ้างและด้อยค่า เพราะพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว มีการระบุที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในนโยบายอย่างชัดเจนตามกฎหมาย รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยที่จะเข้ามาฟื้นจีดีพีให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งการจัดเก็บรายได้รัฐที่มากขึ้น และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไป ทั้งหมดพรรคและตัวแทนของพรรคได้ชี้แจงข้อซักถามของสังคมมาโดยตลอด และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมทุกเมื่อที่มีโอกาส แต่นายธนกรไม่ฟังเอง
“นายธนกร เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้ย้ายมาสังกัดพรรคใหม่ ก่อนจะซักถามหรือต่อว่านโยบายของพรรคอื่น ควรต้องถามตัวเองก่อนว่านโยบายที่หาเสียงไว้ในปี 2562 ทำได้บ้างหรือไม่ ทั้งการปรับขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 20,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 425 บาท โครงการมารดาประชารัฐ หรือลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% การย้ายมาตั้งพรรคใหม่ แต่นโยบายของพรรคเก่ายังไม่ทำ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง และยังวิจารณ์พรรคอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการทำงานการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์หรือไม่ พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจริง ที่จะนำพาพี่น้องประชาชนออกจากความทุกข์ยาก แม้ขณะนี้จะมีข้อซักถามมากมาย ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่เมื่อถามประชาชน พี่น้องประชาชนอยากได้ นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะโดนใจ แก้ปัญหาได้ตรงจุด พี่น้องประชาชนสนับสนุน” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว