posttoday

ศาลปกครองสูงสุด ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง “รฟม.” แก้ไข TOR ประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม

01 มีนาคม 2566

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี BTSC ฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกฯ ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รฟม.ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ทีโออาร์ ด้านทนายความ BTSC เผยชี้ยังไม่จบ ยังมี 2 คดีฟ้อง รอศาลตัดสิน

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 66  ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษายืนยกฟ้อง ในคดี หมายเลขที่ อ.572/2565 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากัด มหาชน (บีทีเอส) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 แห่ง พรบ.การร่วมลงทุนระหว่าง รัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) กับพวก รวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย (คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

 

กรณีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารคัดเลือกเอกชน และวิธีการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิค ข้อเสนอด้านการลงทุน และผลตอบแทนในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน การออกแบบและก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันตก การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการ การเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นผู้ซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้อง

 


คดีนี้ศา ลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปรากฏ ข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศเชิญชวนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว เหตุแห่งความเดือดร้อนหรือ ความเสียหายจากคำสั่งที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้จึงหมดสิ้นไปแล้ว ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีในข้อหา ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

ในส่วนค่าเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอตามคำฟ้องเพิ่มเติม ได้แก่ ค่าจ้างที่ปรึกษาทางเทคนิค และ ที่ปรึกษาทางกฎหมายนั้น ศาลฯ เห็นว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการค้าตามปกติ ของผู้ฟ้องคดี เเละผู้ฟ้องคดีไม่ได้เเสดงให้ศาลเห็นว่า เป็นความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดี ทั้งสองกระทำการแก้ไขเพิ่มเติม และเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ดังกล่าว เมื่อค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างที่ปรึกษาทางเทคนิค และที่ปรึกษาทางกฎหมายของผู้ฟ้องคดีมิใช่ค่าเสียหาย โดยตรงจากการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนฯ ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง กรณีนี้จึงไม่อาจถือว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ศาลจึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายดังกล่าวให้เเก่ผู้ฟ้องคดีได้

 

ผู้ฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสุดพิเคราะห์แล้ว มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ปรับแก้ไขหลักเกณฑ์ทีโออาร์ เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ต้องชดใช้ค่าสินไหมละเมิดให้แก่ผู้ถูกฟ้องหรือไม่ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองคัดเลือกเอกชน และแก้ไขหลักเกณฑ์ทีโออาร์ไม่ชอบด้วยกม.หรือไม่ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีอำนาจแก้ไขหลักเกณฑ์หรือไม่ และแก้ไขถูกต้องหรือไม่ หากแก้ไขหลักเกณฑ์ถูกต้องแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่ 

 

ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาประกาศนโยบายเชิญชวน และประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่2 แล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องดดีที่2 มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลง ยกเลิก ไม่คัดเลือกให้ผู้ประมูลราคาสูงสุด เป็นผู้ถูกคัดเลือกก็ได้

 

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง2 แก้ไขหลักเกณฑ์เห็นชอบหรือไม่ การแก้ไขหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชน นอกเหนือไปจากที่ครม.อนุมัติหรือไม่ และต้องเสนอครม.อนุมัติหรือไม่ ภายหลังการแก้ไขหลักเกณฑ์ และต้องทำความคิดเห็นภาคเอกชนหรือไม่ ซึ่งเห็นว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากมติครม.ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ จึงไม่ต้องเสนอครม.พิจารณาอีกครั้ง ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่สอง แก้ไขเอกสารในคดีสาระสำคัญต้องรับฟังเอกชนหรือไม่ ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า สามารถทำได้ ไม่ต้องฟังความเห็นของเอกชน โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่2 ใช้ดุลพินิจโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งการแก้ไขหลักเกณฑ์ทีโอออาร์ เป็นไปเพื่อวัตถุกประสงค์ให้บรรลุเป้าประสงค์ ในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ด้วยความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ขัดต่อความเสมอภาค ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนิติบุคคลใด กลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ

 

กรณีนี้ จึงฟังไม่ได้ว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทำตามอำเภอใจ ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง2 จึงกระทำโดยสุจริตไม่เลือกปฎิบัติ ใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง2 มีอานาจและแก้ไข เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคัดเลือก โดยใช้ดุลพินิจโดยชอบ จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดจึงไม่จำเป็นต้องชัดใช้ค่าเสียหาย ที่ศาลปกครองชั้นต้นมานั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

 

ด้านนายโกสิทธิ์ ประสิทธิ์เวโรจน์ ทนายความ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BTSC กล่าวว่า วันนี้ BTSC ได้มารับทราบคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลก็ตัดสินถือว่าสิ้นสุดแล้ว รฟม.มีอำนาจในการแก้ไขหลักเกณฑ์ และไม่กระทำเป็นการละเมิดจึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้BTSC และอยากจะเน้นย้ำว่า คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีเดียวที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เพราะหลังจากที่รฟม.มีการประเมิณครั้งที่1 ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม รฟม.ยังมีการจัดการประมูลใหม่อีกใน ปี2565 รฟม.ได้มีการออกหลักเกณฑ์มาใหม่ และได้มีการออกหลักเกณฑ์มาใหม่ โดยยกเลิกหลักเกณฑ์ครั้งที่1ไป

 

ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่นี้ยังความไม่ชอบด้วยกม.อยู่ และมีพฤติกรรมใหม่ ที่ทำให้การจัดการประมูลไม่ชอบด้วยกม. BTSC จึงฟ้องเป็นคดีใหม่ และตอนนี้ คดียังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง 2 คดี ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเช่นกัน ดังนั้น BTSC ยังต้องรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดในคดีต่อมาว่า ผลจะออกมาอย่างไร เพราะ 2 คดีนี้มีความแตกต่างจากคดีนี้

ข่าวล่าสุด

ผู้ว่า ธปท. ห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งตรวจเข้มทำธุรกรรมซื้อขายดอลลาร์