posttoday

“ประยุทธ์” ต้อนรับทีม USAR Thailand กลับจากช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

18 กุมภาพันธ์ 2566

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมต้อนรับทีม USAR Thailand กลับจากการปฏิบัติภารกิจ Thailand for Turkiye ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวที่สาธารณรัฐตุรกี

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แพทย์หญิงนฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ นางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ นายประกาศ บุตตะมาศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท NPC ผู้แทนมูลนิธิ พลเอกชาติชาย (K-9) ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

 

จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ศูนย์กลางใกล้เมืองกาซีอันเท็พ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐตุรกี สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “Thailand for Turkiye” โดยส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue) หรือ USAR Thailand จำนวน 42 คน และสุนัขค้นหา K-9 จำนวน 2 ตัว 

 

พร้อมด้วยอุปกรณ์ค้นหาและกู้ภัยกว่า 200 ชิ้น ร่วมสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว โดยได้ตั้งฐานปฏิบัติการในเขต Antakya จังหวัด Hatay ซึ่งได้ออกสำรวจและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดยใช้อุปกรณ์โซนาร์และสุนัขค้นหา K-9 ในการระบุตำแหน่งผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารเพื่อให้ทีมท้องถิ่นนำร่างออกมาได้จำนวน 25 ราย รวมถึงยังได้ให้บริการทางการแพทย์และปฐมพยาบาลแก่ผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บ 

 

และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ทีม USAR Thailand ได้ยุติการค้นหาผู้ประสบภัย เนื่องจากสิ้นสุดวงรอบการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย พร้อมทั้งส่งมอบภารกิจให้ทีมกู้ภัยท้องถิ่นดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ทีม USAR Thailand ได้ปฏิบัติภารกิจค้นหาและกู้ภัยร่วมกับทีมกู้ภัยนานาชาติจำนวน 86 ทีม สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้กว่า 300 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทีม USAR Thailand ได้ปฏิบัติหน้าที่ในนามของคนไทยทั้งประเทศด้วยความเข้มแข็งและหัวใจที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

สำหรับชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมืองแห่งชาติ (National Urban Search and Rescue: USAR) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้พัฒนาศักยภาพของทีม USAR อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 และทำการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด เพื่อให้เป็นทีมที่มีศักยภาพในการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง และขีดความสามารถในการรองรับสาธารณภัยขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์2565 ตามคำสั่งของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 

 

โดยบูรณาการความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาและกู้ภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบกำลังกัน ทั้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ (สุนัขK-9) และบริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอน เมนทอล เซอร์วิส จำกัด โดยภารกิจ ของ USAR จะต้องปฏิบัติงานร่วมกับชุด USAR ของประเทศต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในด้านการค้นหาและกู้ภัยแก่ประเทศที่ประสบสาธารณภัยตามที่ได้รับการร้องขอ

 

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับศักยภาพของ ทีมUSAR Thailand สู่มาตรฐานสากล ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนการการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564 – 2570 ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้มีการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม และพัฒนาศักยภาพชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมืองที่มีสมรรถสูงตามมาตรฐานสากลอย่างมีประสิทธิภาพ

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามของประชาชนคนไทยและรัฐบาล ขอต้อนรับทีมยูซ่าไทยแลนด์ ทั้ง 42 นาย กลับสู่ประเทศไทย จากการเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2566 ในส่วนกำลังของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมการแพทย์ และกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานต่างๆ 

 

"ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันผลึกกำลังกายกำลังใจ ในการเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยณประเทศตุรกี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของทีมค้นหาของกู้ภัยประเทศไทยที่ได้มีโอกาสปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญร่วมกับ นานาอารยะประเทศ และได้สร้างชื่อเสียงกิตติภูมิ ศักดิ์ศรีของประเทศในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานสากล ในด้านให้การช่วยเหลือมนุษยธรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยและตุรเกียให้เน้นแฟ้นมากยิ่งขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอพูดในนามนายกฯ ขอชื่นชมทุกคน ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาลงไปจนถึงทุกคนในทีม ทั้งที่ไปและไม่ได้ไป ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจโดยเร่งด่วนฉับพลัน พอทราบสถานการณ์แล้ว ก็มีความห่วงใย ว่าจะสามารถทำอะไรให้ได้บ้าง
 

 

“ประยุทธ์” ต้อนรับทีม USAR Thailand กลับจากช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

 

 "เราก็นึกถึงตรงนี้ขึ้นมา ก็ปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า ก็พร้อมพรุ่งนี้ไปได้เลย จึงใจชื้น แสดงว่าเรามีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามเป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อประชาชนของเราและเพื่อโลกด้วย เราจะต้องมีความพร้อมในทุกมิติเพราะว่าโลกของเราไม่ใช่โลกมีความเชื่อมโยงมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข จะต้องดูแลซึ่งกันและกัน" นายกฯ ระบุ

 

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการรวมพลังของคนทั้งโลก เข้ามาให้ความสำคัญในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งถือเป็นบทเรียนที่สาหัสพอสมควร ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรีทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ตนพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ให้เพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ ไทยและตุรกี และประเทศอื่นๆนั่น เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ วันนี้ (18ก.พ.) ทุกคนกลับมาคงต้องใช้เวลาพักผ่อน หาครอบครัว ขอให้ทีมแพทย์ดูแลด้วย "แฟนคงรออยู่บ้านอย่าเพิ่งไปเที่ยวไหนก็แล้วกัน" 

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังชื่นชมสุนัขทั้ง 2 ตัว สงบเงียบเรียบร้อย ทั้งหมดเทียบได้ว่าคือวีรบุรุษเหมือนกัน ขอให้ทุกคนปรบมือให้กับเขาอีกครั้ง ตนขอชื่นชมยกย่องในความเสียสละของทุกท่าน

 

ขณะเดียวกัน นายกฯยังได้กล่าวกับสุนัขกู้ภัย K9 ทั้ง 2 ตัวว่า "น่ารักนะ นั่งสงบเงียบเรียบร้อยนะลูกนะ" ก่อนจะกล่าวต่อมาว่า "นี่คือวีรบุรุษทั้งหมด ขอให้ทุกคนปรบมือให้กับทุกคนในทีมที่เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในตุรกี ขอชื่นชมและยกย่องในการเสียสละของทุกคน"

 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบเหรียญที่ระลึกจากทำเนียบรัฐบาล ให้กับทีม USAR Thailand พร้อมกับมอบเหรียญให้กับสุนัขกู้ภัย K9 น้องเซียร่าและซาฮาร่า โดยจับขาหน้าเพื่อให้มารับเหรียญแล้วระบุว่า "This for you ok ok"

 

นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดคุยกับทีมผู้ดูแล เซียร่าและซาฮาร่า พร้อมพูดคุยกับเซียร่าและซาฮาร่า ว่า "สุขภาพแข็งแรงนะลูกนะ อายุอายุยืนยาวนะลูก ทำประโยชน์ให้กับประเทศต่อไป" ก่อนที่จะจับมือกับผู้ดูแล และขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง