posttoday

6ตำรวจรีดไถนทท.ไต้หวันมีพฤติการณ์ร้ายแรง ศาลอาญาทุจริตกลางไม่ให้ประกัน

02 กุมภาพันธ์ 2566

เปิดบันทึกการสอบสวน6ตำรวจรีดไถเงินดาราสาวไต้หวัน ถูกคุมตัวไปขออำนาจฝากขังครั้งแรก ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ชี้พฤติการณ์ก่อเหตุร้ายแรงกระทบต่อภาพลักษณ์และกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยรวมไม่อนญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2566  ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รายงานว่า เมื่อเวลา 13.50น. คณะพนักงานสอบสวน กองบังคับการนครบาล 1 และพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง นำตำรวจ สน.ห้วยขวาง 6นายส่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อขอให้ศาลออกหมายขังและฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1

ตามคำร้องลงวันที่ 2 ก.พ.2566 ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 เวลา 00.01น. ตำรวจทั้ง6 นายที่ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านที่ถนนรัชดาภิเษก หน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย กทม. กระทั่งเวลาประมาณ 02.25น. มีนายเป จิง ซือ หรือ สกาย สัญชาติสิงคโปร์ กับพวกรวม ๔ คนเป็นชาย 2คน หญิง 1 คน โดยสารรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าสีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4 กส 522 กรุงเทพมหานคร มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ

ผู้ต้องหากับพวกตั้งด่านอยู่ มีสิบตำรวจเอก ล. ผู้ต้องหาที่ 5 เป็นผู้คัดรถยนต์เข้ามาให้สิบตำรวจเอก ว. ผู้ต้องหาที่ 6ตรวจค้นบุคคลในรถ ผู้ต้องหาทั้งหกเชิญนายเป จิง ซือ ลงจากรถเพื่อค้นตัว สิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ค้นตัว ส่วนเพื่อนของนายเป จิง ซือ อีก 2คน ถูกกลุ่มผู้ต้องหาค้นตัว การตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3 อัน สิบตำรวจเอก น.
ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 พูดคุยสอบถาม เพื่อขอดูหนังสือเดินทางและวีซ่าจากนายเป จิง ชื่อ กับพวก ขณะนั้นนายเป จิง ซือ กับพวก ไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย มีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางในโทรศัพท์มือถือ 

สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 พยายามพูดจาข่มขู่ นายเป จิง ซือ กับพวก ว่ากระทำความผิดโดยครอบครองบุหรี่ไฟฟ้ากับไม่พกหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่า อ้างว่าจะพาไปสถานีตำรวจทั้งที่ไม่มีเจตนาที่ จะพาไปจริงกลับข่มขู่ให้นายเป จิง ซือ กับพวก เกิดความกลัว จนกระทั่งสิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป.ผู้ต้องหาที่ 2 ปรึกษาและตกลงกันเรียกเงินจากนายเป จิง ซือกับพวก เป็นเงิน 27,000 บาท แบ่งเป็นค่าที่พกบุหรี่ไฟฟ้าอันละ 8,000 บาท และค่าไม่พกหนังสือเดินทางอีก 3,000 บาท

นายเป จิง ซือ ยืนยันว่า ตนกับพวกไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้าซื้อมาจากร้านที่วางขายของย่านห้วยขวางไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยความกลัวและเกรงว่าจะเสียเวลานายเป จิง ซือ และนางสาวซาลีน หรือ อันชิง ชาวไต้หวันจะเดินทางกลับต่างประเทศในคืนวันเกิดเหตุ จึงจำยอมจ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่3 เป็นผู้รับเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อนอก 

นายเป จิง ซือ กับพวก ถามสิบตำรวจเอก ป.ว่าตนกลับได้หรือไม่ สิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 บอกว่า ต้องสอบถามร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่2ก่อน ผู้ต้องหาที่3 และผู้ต้องหาที่ 2 เดินมายังนายเป จิง ซือ กับพวก พร้อมยื่นบุหรี่ไฟฟ้าที่ยึดไว้ในตอนแรกให้นายเป จิง ซือ กับพวกถือไว้คนละอัน โดยร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้สั่งให้สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ใช้ไฟฉายส่อง ขณะสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ถ่ายรูปเพื่อให้แสงสว่างในการถ่าย 

จากนั้นร้อยตำรวจเอก ป.ผู้ต้องหาที่ ๒ ขออนุญาตให้นายเป จิง ซือ กับพวกกลับไปได้ ภายหลังสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3นำเงิน 27,000 บาท ที่ได้รับจากนายเป จิง ชื่อ มอบให้กับร้อยตำรวจเอก ย. ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดที่นั่งในรถที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วนำไปแบ่งในกลุ่มผู้ต้องหาด้วยกัน 

ผู้ต้องหาทั้งหกเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 คณะพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหก ซึ่งปรากฎต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ว่ากระทำความผิดฐาน "เป็นเจ้าหนักงานร่วมกัน เรียก รับหรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต" พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่า จะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลัง

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาคำร้องขอฝากขังแล้ว อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหกได้ มีกำหนด 12 วัน ส่วนที่ผู้ต้องหาทั้งหกยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กรณีเป็นเรื่องร้ายแรงกระทบต่อภาพลักษณ์และกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยรวม อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและกระบวนการในชั้นสอบสวน ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง