posttoday

ผบ.ตร.ไล่ออกภรรยาตู้ห่าว พร้อม5ตำรวจตั้งกก.สอบสวนวินัยร้ายแรง

12 มกราคม 2566

“ผบ.ตร.” เผยความคืบหน้าคดีผับจินหลิง เซ็นให้ออกจากราชการแล้ว “พ.ต.อ.ภรรยาตู้ห่าว” พร้อม 5 ตำรวจ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ชี้สำนวน “ตู้ห่าว” ใกล้สมบูรณ์ พร้อมส่งอสส.ใน 2 วันนี้ แจงกรณีรถเช่าหลานนายกฯ

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีผับจินหลิง เครือข่ายของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ว่า การสอบสวนคดีนี้เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วจะสรุปสำนวนส่งให้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด พิจารณาภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งอยู่ในกรอบระยะเวลาที่อัยการสูงสุดต้องส่งสำนวนต่อศาล ภายในวันที่ 20 มกราคม 2566 โดยครบกำหนดการฝากขัง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว 

ผบ.ตร. กล่าวว่า การทำสำนวนคดีนี้พนักงานสอบสวนตำรวจ ร่วมกันทำงานกับอัยการ ที่ให้คำแนะนำดูแลการทำสำนวนคดี โดยคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร กระทำการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มั่นใจในพยานหลักฐานว่าเพียงพอต่อการลงโทษผู้กระทำผิดได้

คดีนี้มีผู้ต้องหาหลัก 37 คน จับกุมได้แล้ว 19 คน หลบหนี 18 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาในคดีเสพฯอีกกว่า 70 คน หลักฐานในคีดทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมากไดสอบพยานไม่ต่ำกว่า 400 ปาก สำหรับนายตู้ห่าวพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฟอกเงินแล้วด้วยเข้าไปแจ้งข้อหาในเรือนจำ 

สำหรับตำรวจที่เกี่ยวข้องทำผิดในคดีนี้ ได้ดำเนินการทางวินัยแล้ว โดยแยกเป็นคดีหลัก คือ คดีฟอกเงิน ที่มี พ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยาของนายตู้ห่าวเป็นผู้ถูกกล่าวหา ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องคือกระทำผิดต่อหน้าที่ เรียกรับสินบน มีตำรวจ 5 นาย เป็นผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น. 6 พร้อมพลขับ, รอง ผกก.จราจร สน.ลาดพร้าว, พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา 2 นาย รวม 5 นาย ได้ตั้งกรรมการสอบสอบสวนวินัยร้ายแรง และส่งสำนวนการดำเนินคดีไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) และเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566

นอกจากนี้ ได้ลงนามคำสั่ง ให้ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ฯ ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็มีคำสั่งให้ ตำรวจทั้ง 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อนเช่นกัน ทั้ง 6 นายมีสิทธิต่อสู้ทางคดีตามกฎหมายคดีนี้เป็นคดีสำคัญต้องพิจารณาวินัยเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถเช่าของตู้ห่าวนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่าได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วโดยได้ข้อมูลมาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ส่วนหนึ่งว่ารถที่หลานของนายกรัฐมนตรีไปทำธุรกรรมเช่าซื้อ ทำธุรกิจนั้นมี 33 คัน จากจำนวนรถหลายร้อยคันที่นายตู้ห่าวทำธุรกิจเรื่องรถ แต่ในส่วนคดีจินหลิง ซึ่งเป็นคดีสมคบยาเสพติด องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เราได้ดูหลักฐานความเกี่ยวเนื่องทั้งหมดย้อนไปถึงปี 2563 ซึ่งกรณีรถทัวร์ก่อนการกระทำความผิดคดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง แต่เราก็จะประสานข้อมูล ปปส.เพิ่มเติม หาความเกี่ยวเนื่องทรัพย์สิน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง. ) ถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป แต่ในขั้นนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

"คดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน เพราะเราดำเนินการอย่าชัดเจน เพียงแต่เราไม่บอกทุกขั้นตอน เกรงว่าผู้ที่จะวางแผนต่อสู้คดีจะรู้ตัว ตอนนี้ใกล้เวลาที่จะสรุปสำนวนคดีแล้ว จึงเปิดเผยได้" ผบ.ตร. กล่าว