'สุทธิพงษ์'ขอโทษปมคลิปด่าขรก.ชั้นผู้น้อยโง่อ้างหยอกเย้า

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงผ่านเนชั่นทีวี กรณีมีการแพร่คลิปการประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ซึ่งเนื้อหาคลิปได้ตำหนิการชี้แจงของข้าราชการรายหนึ่งเกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าเกษตร หลังมีคำสั่งซื้อจากกรมราชทัณฑ์ จนกลายเป็นวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมว่า เป็นการประชุมเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2565 ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์  เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงฯ การใช้คำว่า“โง่”ไม่ได้เหยียดเป็นการหยอกเย้ากัน คนมหาดไทยรู้กันก็จบไม่มีอะไร แต่ก็ต้องขอโทษด้วย แต่คลิปจริงมีความยาวกว่านี้ และที่ออกมามีการตัดตอน

สำหรับเนื้อหาในคลิปที่มีการวิพากษ์วิจารณ์  นายสุทธิพงษ์ ได้สอบถามผู้ชี้แจงว่า อุปสงค์เท่ากับอุปทานภาษาเศรษฐศาสตร์เรียกว่าอะไร ผู้ชี้แจงตอบว่า คือ Demand และ Supply ทำให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยหัวเราะออกมาก่อนจะถามข้าราชการคนดังกล่าวว่าเรียนจบจากที่ไหน และเรียนรุ่นอะไร 

ก่อนที่ข้าราชการคนนั้นจะตอบกลับไปว่า เรียนปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากนั้นนายสุทธิพงษ์ ก็ได้ตำหนิด้วยถ้อยคำหยาบคาย และกล่าวว่า คนที่เรียนรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว ถ้าอุปสงค์เท่ากับอุปทาน เขาเรียกว่าตลาดสมบูรณ์ หากเอาความต้องการของกรมราชทัณฑ์มาบอกว่าเท่ากับความต้องการขายของภาคเกษตร มันไม่ใช่ ถ้าใช่จะไปพาสินค้าเกษตรออกนอกทำไมในเมื่อมีตลาดสมบูรณ์แล้ว เพราะไม่มีความจำเป็นต้องช่วยอะไรแล้ว
 

ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ถามกลับไปยังข้าราชการคนเดิมว่าเรียนจบปริญญาตรีจากที่ไหน ทำให้ข้าราชการคนนั้นตอบกลับว่า มหาวิทยาลัยสยาม นายสุทธิพงษ์ จึงบอก "ว่าแล้ว" ก่อนจะถามย้อนไปอีกว่า เรียนปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ภาคผู้บริหาร หรือภาคปกติ ข้าราชการจึงแจ้งว่า เป็นหลักสูตรหลังเลิกเรียน ปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงหัวเราะออกมาอีกครั้ง และตำหนิว่าให้กลับไปคุยกับคณบดีให้ดี มหาวิทยาลัยสมัยนี้ชอบหาเงินเปิดหลักสูตรอะไรไม่รู้มั่วไปหมด 

นอกจากนี้ในคลิปการประชุม นายสุทธิพงษ์ ตำหนิจังหวัดภูเก็ต ถึงการแผนการบริหารจัดการขยะว่า ที่อธิบายมาผิด เพราะแผนของการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะ ไม่ใช่แค่การจัดทำหรือรณรงค์ให้คนทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และบอกว่าเมื่อฟังคำถามไม่เข้าใจแล้วจะไปทำงานได้ถูกหรือไม่ ให้ฝากไปบอกผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตด้วยว่าให้ถอนตัวออกจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ของจังหวัดภูเก็ต ในปี 2571 จะทำหนังสือแจ้งนานาชาติให้ ว่าภูเก็ตไม่ควรเป็นเจ้าภาพ เพราะไม่ได้ดูแลสิ่งแวดล้อม และยังไม่ได้บริหารจัดการให้คนในจังหวัดได้ตื่นตระหนกตกใจกับภาวะโลกร้อน และมีวัฒนธรรมของการเป็นคนที่จะช่วย Change for Good เกิดขึ้น

นายสุทธิพงษ์ ได้ชี้แจ้งในประเด็นนี้ว่า เป็นการกระตุ้นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและทีมงานให้เอาจริงเอาจังเรื่องสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ภาคราชการของจังหวัดภูเก็ตช่วยกันขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง วางระบบให้เกิดประโยชน์ โดยไม่ใช่เป็นการไปขัดขวางการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก