posttoday

ร่างกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ใหม่

23 มีนาคม 2560

โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อคราวที่ผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมปี 2547-2548 เวลานั้นหนังแผ่นกำลังบูม ผู้สร้างหนังทำหนังทุนต่ำเป็นจำนวนมาก สังคมวิจารณ์หนังแผ่นที่นำเสนอภาพหรือเรื่องราวที่ท้าทายสังคมบ่อยๆ หน่วยเกิดใหม่อย่างกระทรวงวัฒนธรรมที่เพิ่งแยกตัวมาจากกระทรวงศึกษาธิการ จึงถูกสื่อไล่ถามไล่จี้ให้แสดงความเห็นต่อหนังแผ่นสารพัดเรื่องทุกเดือน ​นั่นเองผมจึงได้ทราบว่าหนังในไทยที่จะฉายนั้น ต้องผ่านการเซ็นเซอร์ของกรมตำรวจก่อนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะกำหนดว่ายังไงก็ได้ให้ตัดบางฉาก ให้แก้ไขบางท่อนหรือไม่อนุญาตให้ฉายเสียก็ได้​คนหนังเขาจึงร้องว่าน่าจะมีระบบจัดเรตติ้งหรืออายุแนะนำในการชมเหมือนในต่างประเทศเถอะ​เราจึงเริ่มยกร่างกฎหมายนำระบบเรตติ้งหนังเข้ามาในกฎหมายไทยและเลยได้รู้ด้วยความแปลกใจว่ากฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์นั้นโดยไม่ไปถึงทีวีใดๆ ประเทศไทยมีอยู่แค่ 2 ฉบับ แต่ใช้หลักการเดียวกันคือควบคุมจะให้ฉายหรือไม่ก็ต้องได้ทั้งนั้น​นี่คือหลักการใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2473 กับ พ.ร.บ.เทปและวัสดุโทรทัศน์ 2535 ครับ​ควบคุมครับควบคุม​ร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ

โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา

เมื่อคราวที่ผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมปี 2547-2548 เวลานั้นหนังแผ่นกำลังบูม ผู้สร้างหนังทำหนังทุนต่ำเป็นจำนวนมาก สังคมวิจารณ์หนังแผ่นที่นำเสนอภาพหรือเรื่องราวที่ท้าทายสังคมบ่อยๆ

หน่วยเกิดใหม่อย่างกระทรวงวัฒนธรรมที่เพิ่งแยกตัวมาจากกระทรวงศึกษาธิการ จึงถูกสื่อไล่ถามไล่จี้ให้แสดงความเห็นต่อหนังแผ่นสารพัดเรื่องทุกเดือน

​นั่นเองผมจึงได้ทราบว่าหนังในไทยที่จะฉายนั้น ต้องผ่านการเซ็นเซอร์ของกรมตำรวจก่อนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะกำหนดว่ายังไงก็ได้ให้ตัดบางฉาก ให้แก้ไขบางท่อนหรือไม่อนุญาตให้ฉายเสียก็ได้

​คนหนังเขาจึงร้องว่าน่าจะมีระบบจัดเรตติ้งหรืออายุแนะนำในการชมเหมือนในต่างประเทศเถอะ

​เราจึงเริ่มยกร่างกฎหมายนำระบบเรตติ้งหนังเข้ามาในกฎหมายไทยและเลยได้รู้ด้วยความแปลกใจว่ากฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์นั้นโดยไม่ไปถึงทีวีใดๆ ประเทศไทยมีอยู่แค่ 2 ฉบับ แต่ใช้หลักการเดียวกันคือควบคุมจะให้ฉายหรือไม่ก็ต้องได้ทั้งนั้น

​นี่คือหลักการใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2473 กับ พ.ร.บ.เทปและวัสดุโทรทัศน์ 2535 ครับ

​ควบคุมครับควบคุม

​ร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ้นใหม่จึงเน้นแก้ไขสองสามประเด็น

​อย่างแรก แก้บรรยากาศจาก “ควบคุม” ไปสู่ “กำกับ” ก็น่าจะพอ

​อย่างที่สอง แก้คนคุมจากตำรวจมหาดไทยไปสู่กำกับ โดยคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่มีองค์ประกอบไม่ใช่ข้าราชการของรัฐอย่างเดียว แต่มีเอกชนและนักวิชาการผสมด้วย

​อย่างที่สาม เปลี่ยนรัฐมนตรีกำกับดูแลจากมหาดไทยมาเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม

​แต่ไม่ทันไรผมก็มีอันต้องย้ายไปเป็น สส.ฝ่ายค้าน ซึ่งก็สนุกดี ร่างที่เคยทำไว้กลับถูกรัฐบาลนำไปขยับต่อจนอีก 2 ปีต่อมาเกิดยึดอำนาจรัฐประหารปี 2549

​สนช.ในวันนั้นหยิบกฎหมายนี้มาปัดฝุ่นคลอดเป็น พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 ที่เราใช้ในปัจจุบัน

​นับแต่นั้นรัฐไทยสั่งแบนหนังน้อยลงมาก อำนาจตัดฉับหดหายไปด้วยองค์ประกอบในบอร์ดที่ทำให้เกิดทางเลือกทางวัฒนธรรมที่กว้างขึ้น มีเรต 18+ มีเรต 20+ ซึ่งต้องตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชมในโรงหนัง

กฎหมายนี้ใช้มาจะครบ 10 ปี วันนั้น Facebook Youtube Google ก็ยังไม่มีใครรู้จัก วันนี้ไทยมีประชากรชาว Facebook มากกว่าชาติใดในโลก!

​จึงถึงเวลาปรับปรุงกฎหมายกันอีกสักรอบ

​คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร เป็นประธานพิจารณาทำร่างใหม่ จนพร้อมจะส่งคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งต่อไปเข้า สนช. เร็วๆ นี้

​สาระทันสมัยน่าสนใจรายงานครับ

​อย่างแรก เปลี่ยนบรรยากาศจาก “ควบคุม” สู่ “กำกับ” นั้น คราวนี้ก้าวต่อเป็น “ปลดปล่อย”  และ “ดึงดูด”

​ใครเอาหนังแผ่นเก่าที่บ้านมาวางขายหรือให้เช่าตามกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ปัจจุบันถือว่ามีความผิด มีคนเก็บขยะเอาแผ่นซีดีหนังมาวางเร่ขายติดคุกมาแล้ว

​ร่างใหม่นี้ยกเลิกความผิดนี้ครับ อุตสาหกรรมผลิตแผ่นดีวีดีเองก็กำลังหดตัวลง และเชื่อว่าจะหมดไปในไม่กี่ปีข้างหน้าครับ เพราะอินเทอร์เน็ตทดแทนหมด

​อีกเรื่องที่เลิก คือเลิกบังคับใบอนุญาตโรงหนังครับ เพราะเจ้าของโรงหนังต้องขออนุญาตตามกฎหมายควบคุมอาคารอยู่แล้ว ต้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจตามกฎหมายสาธารณสุขอยู่แล้ว ต้องยื่นสรรพสามิตให้มาตรวจจำนวนและขนาดป้ายโฆษณาในและรอบโรงหนังเพื่อประเมินภาษีอยู่แล้ว

​ใบอนุญาตโรงหนังจากกฎหมายภาพยนตร์ฯ จึงเป็นภาระที่หน่วยงานรัฐจะทำงานซ้อนกันเองเปล่าๆ

​ถัดไปคือตั้งกองทุนในร่างกฎหมายใหม่นี้ เพื่อให้มีกองทุน “ดึงดูด” กองถ่ายต่างประเทศให้เข้าไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดทั้งการเอาทิวทัศน์วัฒนธรรมไทยเข้าไปใช้ในหนังต่างประเทศมากขึ้น กระตุ้นการจ้างมืออาชีพของไทยเพิ่มขึ้น ทั้งหน้าเลนส์และหลังเลนส์ หรือแม้แต่จ้างคนไทยใส่เสียงใส่เทคนิคพิเศษเข้าไปในหนังต่างประเทศ

​สุดท้ายคือร่างกฎหมายใหม่อนุญาตให้ส่งออกหนังไปต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องรอคณะกรรมการตรวจอนุญาตอีก ทุกวันนี้ใครๆ ก็อัพโหลดคลิปผลงานการถ่ายของตัวเองไปบนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว

​ถ้าสิ่งที่ถ่ายทำมามันละเมิดใคร คนถ่ายทำเผยแพร่ก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ควรผิดเพราะส่งคลิปออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตสวนทางโลกดิจิทัลเปล่าๆ

​รอเชียร์ให้ผ่านนะครับจากควบคุมสู่กำกับ จากกำกับสู่ปลดปล่อยและดึงดูด ขั้นต่อไปคือ “สนับสนุนใส่ปุ๋ยให้น้ำเป็นระบบครับ”

​ลุ้นต่อๆ

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี