ร่างกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ใหม่
โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อคราวที่ผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมปี 2547-2548 เวลานั้นหนังแผ่นกำลังบูม ผู้สร้างหนังทำหนังทุนต่ำเป็นจำนวนมาก สังคมวิจารณ์หนังแผ่นที่นำเสนอภาพหรือเรื่องราวที่ท้าทายสังคมบ่อยๆ หน่วยเกิดใหม่อย่างกระทรวงวัฒนธรรมที่เพิ่งแยกตัวมาจากกระทรวงศึกษาธิการ จึงถูกสื่อไล่ถามไล่จี้ให้แสดงความเห็นต่อหนังแผ่นสารพัดเรื่องทุกเดือน นั่นเองผมจึงได้ทราบว่าหนังในไทยที่จะฉายนั้น ต้องผ่านการเซ็นเซอร์ของกรมตำรวจก่อนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะกำหนดว่ายังไงก็ได้ให้ตัดบางฉาก ให้แก้ไขบางท่อนหรือไม่อนุญาตให้ฉายเสียก็ได้คนหนังเขาจึงร้องว่าน่าจะมีระบบจัดเรตติ้งหรืออายุแนะนำในการชมเหมือนในต่างประเทศเถอะเราจึงเริ่มยกร่างกฎหมายนำระบบเรตติ้งหนังเข้ามาในกฎหมายไทยและเลยได้รู้ด้วยความแปลกใจว่ากฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์นั้นโดยไม่ไปถึงทีวีใดๆ ประเทศไทยมีอยู่แค่ 2 ฉบับ แต่ใช้หลักการเดียวกันคือควบคุมจะให้ฉายหรือไม่ก็ต้องได้ทั้งนั้นนี่คือหลักการใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2473 กับ พ.ร.บ.เทปและวัสดุโทรทัศน์ 2535 ครับควบคุมครับควบคุมร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ
โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา
เมื่อคราวที่ผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมปี 2547-2548 เวลานั้นหนังแผ่นกำลังบูม ผู้สร้างหนังทำหนังทุนต่ำเป็นจำนวนมาก สังคมวิจารณ์หนังแผ่นที่นำเสนอภาพหรือเรื่องราวที่ท้าทายสังคมบ่อยๆ
หน่วยเกิดใหม่อย่างกระทรวงวัฒนธรรมที่เพิ่งแยกตัวมาจากกระทรวงศึกษาธิการ จึงถูกสื่อไล่ถามไล่จี้ให้แสดงความเห็นต่อหนังแผ่นสารพัดเรื่องทุกเดือน
นั่นเองผมจึงได้ทราบว่าหนังในไทยที่จะฉายนั้น ต้องผ่านการเซ็นเซอร์ของกรมตำรวจก่อนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะกำหนดว่ายังไงก็ได้ให้ตัดบางฉาก ให้แก้ไขบางท่อนหรือไม่อนุญาตให้ฉายเสียก็ได้
คนหนังเขาจึงร้องว่าน่าจะมีระบบจัดเรตติ้งหรืออายุแนะนำในการชมเหมือนในต่างประเทศเถอะ
เราจึงเริ่มยกร่างกฎหมายนำระบบเรตติ้งหนังเข้ามาในกฎหมายไทยและเลยได้รู้ด้วยความแปลกใจว่ากฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์นั้นโดยไม่ไปถึงทีวีใดๆ ประเทศไทยมีอยู่แค่ 2 ฉบับ แต่ใช้หลักการเดียวกันคือควบคุมจะให้ฉายหรือไม่ก็ต้องได้ทั้งนั้น
นี่คือหลักการใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2473 กับ พ.ร.บ.เทปและวัสดุโทรทัศน์ 2535 ครับ
ควบคุมครับควบคุม
ร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ้นใหม่จึงเน้นแก้ไขสองสามประเด็น
อย่างแรก แก้บรรยากาศจาก “ควบคุม” ไปสู่ “กำกับ” ก็น่าจะพอ
อย่างที่สอง แก้คนคุมจากตำรวจมหาดไทยไปสู่กำกับ โดยคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่มีองค์ประกอบไม่ใช่ข้าราชการของรัฐอย่างเดียว แต่มีเอกชนและนักวิชาการผสมด้วย
อย่างที่สาม เปลี่ยนรัฐมนตรีกำกับดูแลจากมหาดไทยมาเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม
แต่ไม่ทันไรผมก็มีอันต้องย้ายไปเป็น สส.ฝ่ายค้าน ซึ่งก็สนุกดี ร่างที่เคยทำไว้กลับถูกรัฐบาลนำไปขยับต่อจนอีก 2 ปีต่อมาเกิดยึดอำนาจรัฐประหารปี 2549
สนช.ในวันนั้นหยิบกฎหมายนี้มาปัดฝุ่นคลอดเป็น พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 ที่เราใช้ในปัจจุบัน
นับแต่นั้นรัฐไทยสั่งแบนหนังน้อยลงมาก อำนาจตัดฉับหดหายไปด้วยองค์ประกอบในบอร์ดที่ทำให้เกิดทางเลือกทางวัฒนธรรมที่กว้างขึ้น มีเรต 18+ มีเรต 20+ ซึ่งต้องตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชมในโรงหนัง
กฎหมายนี้ใช้มาจะครบ 10 ปี วันนั้น Facebook Youtube Google ก็ยังไม่มีใครรู้จัก วันนี้ไทยมีประชากรชาว Facebook มากกว่าชาติใดในโลก!
จึงถึงเวลาปรับปรุงกฎหมายกันอีกสักรอบ
คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธานพิจารณาทำร่างใหม่ จนพร้อมจะส่งคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งต่อไปเข้า สนช. เร็วๆ นี้
สาระทันสมัยน่าสนใจรายงานครับ
อย่างแรก เปลี่ยนบรรยากาศจาก “ควบคุม” สู่ “กำกับ” นั้น คราวนี้ก้าวต่อเป็น “ปลดปล่อย” และ “ดึงดูด”
ใครเอาหนังแผ่นเก่าที่บ้านมาวางขายหรือให้เช่าตามกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ปัจจุบันถือว่ามีความผิด มีคนเก็บขยะเอาแผ่นซีดีหนังมาวางเร่ขายติดคุกมาแล้ว
ร่างใหม่นี้ยกเลิกความผิดนี้ครับ อุตสาหกรรมผลิตแผ่นดีวีดีเองก็กำลังหดตัวลง และเชื่อว่าจะหมดไปในไม่กี่ปีข้างหน้าครับ เพราะอินเทอร์เน็ตทดแทนหมด
อีกเรื่องที่เลิก คือเลิกบังคับใบอนุญาตโรงหนังครับ เพราะเจ้าของโรงหนังต้องขออนุญาตตามกฎหมายควบคุมอาคารอยู่แล้ว ต้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจตามกฎหมายสาธารณสุขอยู่แล้ว ต้องยื่นสรรพสามิตให้มาตรวจจำนวนและขนาดป้ายโฆษณาในและรอบโรงหนังเพื่อประเมินภาษีอยู่แล้ว
ใบอนุญาตโรงหนังจากกฎหมายภาพยนตร์ฯ จึงเป็นภาระที่หน่วยงานรัฐจะทำงานซ้อนกันเองเปล่าๆ
ถัดไปคือตั้งกองทุนในร่างกฎหมายใหม่นี้ เพื่อให้มีกองทุน “ดึงดูด” กองถ่ายต่างประเทศให้เข้าไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดทั้งการเอาทิวทัศน์วัฒนธรรมไทยเข้าไปใช้ในหนังต่างประเทศมากขึ้น กระตุ้นการจ้างมืออาชีพของไทยเพิ่มขึ้น ทั้งหน้าเลนส์และหลังเลนส์ หรือแม้แต่จ้างคนไทยใส่เสียงใส่เทคนิคพิเศษเข้าไปในหนังต่างประเทศ
สุดท้ายคือร่างกฎหมายใหม่อนุญาตให้ส่งออกหนังไปต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องรอคณะกรรมการตรวจอนุญาตอีก ทุกวันนี้ใครๆ ก็อัพโหลดคลิปผลงานการถ่ายของตัวเองไปบนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว
ถ้าสิ่งที่ถ่ายทำมามันละเมิดใคร คนถ่ายทำเผยแพร่ก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ควรผิดเพราะส่งคลิปออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตสวนทางโลกดิจิทัลเปล่าๆ
รอเชียร์ให้ผ่านนะครับจากควบคุมสู่กำกับ จากกำกับสู่ปลดปล่อยและดึงดูด ขั้นต่อไปคือ “สนับสนุนใส่ปุ๋ยให้น้ำเป็นระบบครับ”
ลุ้นต่อๆ


