เอกชนเสนอรัฐขยายรันเวย์สนามบินตรัง
ภาคเอกชนเสนอรัฐบาลขยายรันเวย์สนามตรังยาวขึ้น เพื่อสอดรับนโยบายพัฒนาระบบขนส่งทางอากาศ ด้านผู้โดยสารแนะลดราคาตั๋วให้ถูกลงดีกว่า
ภาคเอกชนเสนอรัฐบาลขยายรันเวย์สนามตรังยาวขึ้น เพื่อสอดรับนโยบายพัฒนาระบบขนส่งทางอากาศ ด้านผู้โดยสารแนะลดราคาตั๋วให้ถูกลงดีกว่า
นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน (กรอ.) จังหวัด ได้มีการนำเสนอเรื่องการขยายรันเวย์สนามตรังเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของทางจังหวัดที่จะเดินหน้าพัฒนาระบบการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ โดยเฉพาะในส่วนของทางอากาศนั้น ที่ผ่านมาหอการค้าจังหวัดตรัง ก็มีการผลักดันอยู่เป็นระยะ ซึ่งจากการสอบถามทุกผู้ว่าราชการจังหวัด หรือทุกรองผู้ว่าราชการจังหวัด ต่างก็ได้รับการเสนอให้ขยายสนามบินตรัง จากความยาว 2,100 เมตร เป็น 3,000 เมตร เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินแบบแอร์บัส หรือชาร์เตอร์ไฟว์ (เช่าเหมาลำ) ได้
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวต้องมองความเป็นจริงด้วย ซึ่งการที่ทางจังหวัดตรังจะมีการวางแผนพัฒนาเอาไว้ในระยะยาวถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ท้ายสุดก็ต้องมาจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง เพราะการขยายรันเวย์นั้น ก็เคยผลักดันเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กรอ.ทั่วประเทศมาแล้ว ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนพ.ย. 2552 ต่อมาก็ได้มีการเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม และกระทรวงก็ได้ตอบความเห็นมายังท่าอากาศยานตรัง ว่า แม้การขยายรันเวย์จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในวันข้างหน้า แต่ในความเป็นจริงกรมการบินพลเรือนเอง ก็ต้องดูความสมเหตุสมผลและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามทางจังหวัดตรังมองว่าสิ่งที่จะต้องเร่งทำเป็นอันดับแรกในขณะนี้ก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้มีผู้โดยสารและเที่ยวบินปริมาณมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะขนาดรันเวย์ที่กว้าง 45 เมตร และยาว 2,100 เมตร ในขณะนี้ สามารถรองรับเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737 หรือ 400 อย่างที่สายการบินนกแอร์ และวันทูโก มาใช้บริการอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแต่จะต้องมองย้อนไปดูถึงศักยภาพของสนามบินตรังมาประกอบด้วย ซึ่งปกติในปีหนึ่งๆ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 700,000 คน แต่จากตัวเลขเมื่อปี 2552 จังหวัดตรังมีผู้โดยสาร 150,000 คน หรือมีเพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น
ขณะเดียวกัน จังหวัดตรังก็ยังสามารถรองรับเที่ยวบินได้ถึงปีละ 4,800 เที่ยวบิน แต่จากตัวเลขเมื่อปี 2552 กลับสามารถทำได้เพียงแค่ 1,500 เที่ยวบิน ส่วนการขนส่งสินค้าทางอากาศก็ทำได้เพียงแค่ปีละ 125 ตัน ทั้งๆ ที่สนามบินตรังสามารถรองรับได้มากกว่านี้ถึง 4 เท่า ฉะนั้น จึงเป็นการบ้านของทางจังหวัดตรังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ทำอย่างไรที่จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้ได้มากกว่านี้อีก 1 เท่า หรือประมาณ 300,000 คน และทำอย่างไรที่จะเพิ่มเที่ยวบินที่มีอยู่ในขณะนี้ให้มากขึ้น นอกจากเที่ยวบินเช้า ที่มีอยู่ทุกวันๆ ละ 2 เที่ยว และเที่ยวบินเย็น ที่มีอยู่มีแค่สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ในวันจันทร์ พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์
โดยเฉพาะสายการบินนกแอร์ แม้ก่อนหน้านี้จะประกาศตารางการบินไปยาวถึงเดือนตุลาคม แต่ภายใน 1-2 เดือนนี้ ทางสายการบินก็จะมีการพิจารณาตัวเลขผู้โดยสารอีกครั้ง ซึ่งจากข้อมูลที่ทางจังหวัดตรังได้สอบถามไปยังหลายส่วนระบุว่า ในช่วงเทศกาลต่างๆ จะมีผู้โดยสารทางเครื่องบินเต็มไปหมด แต่ขณะนี้ในวันธรรมดา จะมีผู้โดยสารแค่ 100 คน หรือประมาณ 2 ใน 3 ของลำ ยกเว้นในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่อาจจะมีผู้โดยสารเกือบเต็มลำ แต่ก็ยังถือว่ามีปริมาณที่ค่อนข้างน้อย ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำก็คือ ให้ยังคงมีเที่ยวบินเย็นต่อไป และจะต้องพยายามผลักดันให้มีเที่ยวบินเย็นเพิ่มขึ้นและเหมาะสมมากกว่านี้
ทางจังหวัดตรังจึงมอบหมายให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อดึงผู้โดยสารจากจังหวัดข้างเคียงให้มาใช้สนามบินตรังเพิ่มขึ้น เช่น ชาวพัทลุง ถ้าไปสนามบินหาดใหญ่ มีระยะทาง 100 กิโลเมตร แต่ถ้ามาสนามบินตรัง มีระยะทางแค่ 60 กิโลเมตร หรือชาวสตูล ให้แบ่งจากสนามบินหาดใหญ่ และชาวทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แบ่งจากสนามบินกระบี่ มายังสนามบินตรังบ้าง ซึ่งจะต้องทำควบคู่ไปกับโปรโมชั่นที่น่าสนใจของทั้ง 2 สายการบิน รวมทั้งผลักดันให้มีเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟว์มาใช้บริการมากขึ้น โดยอาศัยความเป็นจุดกึ่งกลางของสนามบินฝั่งอันดามัน ระหว่างภูเก็ต หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี
นายภานุวัฒน์ นวลฉาย ชาวเทศบาลตำบลย่านตาขาว กล่าวว่า หากมีการขยายรันเวย์สนามบินตรังจริงๆ ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีนี้ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้มีผู้มาใช้บริการเครื่องบินเพิ่มขึ้น จึงน่าจะมีการลดราคาตั๋วให้ถูกลงกว่าเดิม เหลือประมาณ 1,000-1,500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เมื่อเทียบกับราคารถทัวร์หรือรถไฟ ซึ่งหากไม่แพงมากกว่ากัน ผู้คนก็จะเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงที่หมายแล้ว และถ้าหากลดราคาตั๋วมากไป จะทำให้สายการบินขาดทุน ก็ให้ไปลดในด้านอื่นๆ แทน เช่น ไม่ต้องมีอาหารบนเครื่องบิน หรือมีแอร์โฮสเตสประจำลำละ 2 คน ก็พอแล้ว
ด้านนายสุมิตร เตชานุรัตน์ ชาวเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า การขยายรันเวย์สนามบินตรัง แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ลงทุนก็สูงมาก ส่วนการกระตุ้นในผู้คนหันมาใช้บริการเครื่องบินกันมากขึ้น ควรเน้นในเรื่องของราคาตั๋วที่ถูกลงและเรื่องของบริการที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หากราคาตั๋วเครื่องบินแพงกว่าตั๋วรถทัวร์หรือรถไฟไม่มาก ผู้คนก็จะหันมาใช้บริการเครื่องบินกันมากขึ้นเอง รวมทั้งอาจจะตัดเรื่องอาหารบนเครื่องบินออกไป ซึ่งตนคิดว่าวิธีการนี้จะให้ประโยชน์ต่อชาวตรังได้โดยตรง เพราะสามารถเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ โดยไม่เสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีกว่าการไปขยายรันเวย์สนามบินตรังเสียอีก


