จุฬาฯตั้งช่างกลยุติศึกอุเทน

ชงครม.เปิดพื้นที่จัดการศึกษาร่วมกันศิษย์เก่าหยั่งเสียงหวั่นถูกจามจุรีกลืนชื่อ

จุฬาฯอุเทนฯ ยุติศึกพื้นที่เบื้องต้น สรุปจัดการศึกษาร่วมกัน เปลี่ยนเป็นอุเทนถวายแห่งจุฬาฯ

นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญนายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีต รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะศิษย์เก่าอุเทนถวาย มาหารือปัญหาที่ทางจุฬาฯ ได้ขอคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากอุเทนถวาย

ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามที่อุเทนถวายและจุฬาฯ ได้ขอให้ทางกระทรวงศึกษาธิการเป็นตัวกลางในการเจรจาปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยในฐานะตัวกลางได้เสนอทางเลือกให้จุฬาฯ และอุเทนถวาย ใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวร่วมกันในการจัดการศึกษา โดยอาจจะพัฒนาอุเทนถวายให้เป็นสถาบันใหม่ที่มีชื่อว่า“อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เน้นการเรียนการสอนทางด้านช่างฝีมือ เพราะเป็นสาขาที่ขาดแคลนและเป็นความต้องการของตลาดแรงงานอย่างมาก

นพ.กำจร กล่าวอีกว่า จากการหารือปรากฏว่าทั้งอุเทนถวายและจุฬาฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว แต่ทางอุเทนถวายขอเวลา 6 เดือนนับจากนี้ เพื่อไปสอบถามความคิดเห็นของศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าว่าเห็นด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันทางศิษย์เก่าอุเทนถวายก็รับปากว่าระหว่างนี้จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนหรือให้ข่าวต่างๆ ส่วนจุฬาฯ ก็เห็นว่าแนวทางที่เสนอจะทำให้ทั้งสองสถาบันสามารถอยู่ร่วมกันได้ และเชื่อว่าประชาคมจุฬาฯ จะเห็นประโยชน์ทางวิชาการมากกว่าปัญหาเรื่องความขัดแย้ง

“ผมได้ขอให้ทั้งสองสถาบันไปร่างแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาร่วมกันว่า แต่ละฝ่ายต้องการจัดการศึกษาในรูปแบบใดให้ตรงตามความต้องการของทั้งสองสถาบัน หากได้ข้อสรุปที่ลงตัว กกอ.จะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้เป็นหลักฐานไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาในอนาคต” นพ.กำจร ระบุ

นายชาญชัย กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นทั้งศิษย์เก่าอุเทนถวายและศิษย์เก่าจุฬาฯ เชื่อว่าแม้จะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แต่หากลดประเด็นความขัดแย้งที่มีอยู่ในทางสร้างสรรค์ได้ ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุด แต่ก็ต้องรอให้เข้าสู่การเจรจาร่วมกันอีกครั้ง

ด้านศิษย์เก่าอุเทนถวายรายหนึ่ง ระบุว่า หากไม่ต้องย้ายที่เป็นเรื่องที่ดี แต่หากต้องเปลี่ยนชื่อโดยมีแนวโน้มถูกจุฬาฯ กลืนชื่อก็ยอมไม่ได้ ซึ่งต้องหยั่งเสียงส่วนใหญ่อีกครั้ง