ยกฟ้องพจมาน
คดีซุกหุ้นพลิกศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา/รอลงอาญาบรรณพจน์
คดีซุกหุ้นพลิกศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา/รอลงอาญาบรรณพจน์
ยกฟ้องคุณหญิงพจมานคดีอำพรางหุ้นเลี่ยงภาษี 546 ล้าน ให้รอลงอาญาบรรณพจน์
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว จากเดิมที่ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี และ 2 ปี ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพิพากษาจำคุกนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาคุณหญิงพจมาน 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา จากเดิมที่ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี ในคดีโอนหุ้นชินคอร์ปเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คนแรก เพราะเห็นว่าทั้งสองร่วมกันทำนิติกรรมอำพรางในการโอนหุ้นบริษัทชินคอร์ป จำนวน 4.5 ล้านหุ้น ให้แก่นายบรรณพจน์เพื่อเลี่ยงภาษี แต่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ปรากฏในสำนวน อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ในอนาคต จึงยกประโยชน์ให้จำเลย
หากคุณหญิงพจมานต้องการช่วยนายบรรณพจน์เลี่ยงภาษีก็ทำได้ง่าย เพียงแค่โอนเงินค่าหุ้นให้นายบรรณพจน์เป็นผู้สั่งซื้อหุ้นก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้แล้ว
สำหรับประเด็นที่นายบรรณพจน์และคุณหญิงพจมานร่วมกันแจ้งข้อความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษีได้เชิญนายบรรณพจน์มาสอบถามข้อเท็จจริงหลังจากได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีแล้วนานกว่า 3 ปีเศษ โดยไม่ได้ออกหมายเรียก และไม่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ประมวลรัษฎากร เป็นการไต่สวนโดยไม่ชอบ
อย่างไรก็ตาม ศาลสั่งลงโทษนายบรรณพจน์ดังกล่าวเพราะเห็นว่ามีความผิดฐานเลี่ยงภาษีจริง แต่ควรลงโทษสถานเบาเพื่อจะได้หลาบจำ ทั้งนี้เพราะศาลอุทธรณ์เห็นว่าประมวลรัษฎากรเป็นกฎหมายที่มีเจตนาเพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความรับผิดทางอาญาที่ตราไว้ จึงเป็นเพียงมาตรการเสริมเท่านั้น
อีกทั้งนายบรรณพจน์เป็นเพียงนักธุรกิจ ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล เมื่อถูกตรวจสอบก็ยอมรับ สร้างคุณงามความดีให้กับสังคม บริจาคเงินจำนวนมากให้กับมูลนิธิไทยคม เพื่อส่งเสริมการศึกษา


