เสื้อแดงเลี้ยงกระแสเผด็จศึกหลังคดียึดทรัพย์
...ทีมข่าวการเมือง
กลับมากระชับอำนาจอีกครั้งสำหรับองค์กรเสื้อแดง หลังเกิดปัญหา
“ชิงนำหักเหลี่ยม” ระหว่างสองขุนพลทหารเอกของทักษิณ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กับก๊วนสามเกลอที่สุดแม้สามเกลอประกาศลอยแพเสธ.แดง โดยอ้างว่ารับไม่ได้กับการต่อสู้โดยใช้ความรุนแรงผ่านการตั้ง
“กองทัพประชาชน” เพื่อหวังล้มรัฐบาลทางลัด พร้อมยืนยันหลักการ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” ต่อสู้แบบสันติวิธี อหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาดเคลียร์ตัวเองเสร็จสรรพในจังหวะที่เตรียมทำศึกใหญ่ทวงคืนขุมทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ว่า คนเสื้อแดงไม่นิยมความรุนแรง
ล้างภาพเหตุการณ์
“เมษาจลาจล” ที่เป็นรอยด่างของคนเสื้อแดงในการใช้ความรุนแรง ก่อม็อบ เผาเมือง ล้มประชุมอาเซียนซัมมิต“
แดงแนวใหม่” ในขวดเก่า ประกาศโครมๆ ยึดสันติ อหิงสา ถ้าเสื้อแดงรายไหนถือปืน เผาเมือง ขอบอกไม่เกี่ยวกับนปช. แต่เป็นฝีมือของแนวร่วมทักษิณของสองบิ๊กทหารสายเหยี่ยว“
เสธ.แดงกับพล.อ.พัลลภ” จึงเป็น “เครื่องฟอก” ให้กับนปช. เหมือนครั้งหนึ่งที่นปช. พยายามสลัด “สุรชัย แซ่ด่าน” กับ “จักรภพ เพ็ญแข” ว่าไม่เกี่ยวกับแดงนปช. เพื่อตีกันว่า แดงนปช. ยังจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างที่สุดทั้งที่ความจริงแล้ว การขับเคลื่อนของแกนนำคนเสื้อแดงในช่วงปีที่ผ่านมา หมิ่นเหม่ต่อการใช้ความรุนแรงและกระทบชิ่งสถาบันตลอด
เพียงแต่แกนนำนปช. ได้บทเรียนแล้วว่า การโค่นอำมาตย์ และสู้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ที่สำคัญหากเป็นฝ่ายเดินเกมความรุนแรงก่อน และยังไม่สามารถลบภาพจาบจ้วงสถาบันได้ ก็จะสูญเสียแนวร่วมจากพลังเงียบมหาศาลจนเดินไม่ถึงเป้าหมาย
นี่จึงสะท้อนผ่านคำประกาศของจตุพรว่า ยุทธวิธีของเสื้อแดง จะต้องยึดแนวทางสันติวิธี และรอให้ฝ่ายรัฐลงมือกระทำความรุนแรงก่อน เมื่อนั้นเสื้อแดงถึงจะมีความชอบธรรมในการตอบโต้กลับโดยใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด
เกมที่เดินขณะนี้ จึงเป็นไปตามลายแทง ชุมนุมย่อยวันเว้นวันตามจุด องค์กรอิสระ องค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย เช่น กกต. ป.ป.ช. อัยการ สตช.
นอกจากอุ่นเครื่องเลี้ยงกระแส ไม่ให้หายจากพื้นที่ข่าวแล้ว ยังยั่วยุให้ฝ่ายรัฐตกหลุมพราง หมดความอดทนจนตบะแตก และหันมาใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดงให้ได้ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่รัฐคุมสติไม่อยู่ ใช้กำลังเข้าปะทะจนเกิดเลือดหยดเดียว ก็เข้าทางเสื้อแดงที่เตรียมลุกฮือล้มรัฐบาล
ทว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาในมาดใหม่ สุขุมนุ่มลึกมากขึ้น ฮุนเซนจะคลั่งบ้าด่ากราดอย่างไร จะโดนอุจจาระปาใส่บ้านกี่ถุง ก็นิ่งเฉยไม่ตกหลุมที่อีกฝ่ายขุดล่อไว้
จึงไม่ง่ายที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะใช้แผนเดิมคอยเสี้ยม ยั่วยุให้คนของรัฐออกมาสวนหมัด เหมือนเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ก่อนทำสงครามใหญ่ โดยใช้คดียึดทรัพย์เป็น
“จุดเคลื่อน” รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในอีก 12 เดือน หัวขบวนอย่างทักษิณ ยังได้เร่งร้าว โหมกระแส เพิ่มเวลารายการ “ทอล์กอะราวด์เดอะเวิลด์” ภาคพิเศษ จากเดิมพูดทุกวันอังคารเป็นปลุกระดมทุกวันในซีรีส์แจงที่มาทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านวันนี้แกนนำเสื้อแดงวิเคราะห์ว่า พลังของคนเสื้อแดงที่ขับเคลื่อนมาตั้งแต่ต้นปีนับว่าประสบความสำเร็จสูง จากผลงานเขายายเที่ยง เขาสอยดาว จนทำให้องคมนตรีต้องเสียรังวัด
ผ่านมาเดือนครึ่ง แดงจึงร้อนได้ที่ พร้อมทำศึกใหญ่เต็มที ยิ่งกรณีวิกฤต
“เสธ.แดง” ที่ถูกมองว่ากองกำลังเสื้อแดงกำลังแตกโพละ แต่นี่กลับเป็นโอกาสที่ขบวนเสื้อแดงปรับจูนความคิด สร้างภาพลักษณ์ด้านบวกกับคนภายนอกกระนั้น หากวัดอุณหภูมิภายในแกนนำนปช. กว่า 20 ชีวิต แยกออกเป็นสองปีก
ปีกใหญ่นำโดยก๊วนสามเกลอและสายวิชาการอย่าง จรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ นิสิต สินธุไพร เห็นว่าต้องขับเคลื่อนในแนวสันติวิธี ไม่ควรสุ่มเสี่ยงใช้ความรุนแรง มิฉะนั้นเสื้อแดงจะพังเหมือนบทเรียนที่เกิดในเหตุการณ์
“เมษาจลาจล”อีกปีกก๊ก
“อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แรมโบ้” ที่ไปดึงเสธ.แดง และ พล.อ.พัลลภ มาเป็นแนวร่วม ก่อนจะยกคณะไปขอฉันทานุมัติจากนายใหญ่ที่ดูไบ มองว่าควรใช้เกมดุ เลยไปถึงการมีกองกำลังติดอาวุธคอยเป็นการ์ดเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ก๊กนี้เห็นว่า การเอาชนะอำมาตย์และรัฐบาล ต้องอาศัยแนวร่วมที่หลากหลาย ไม่ใช่พึ่งแต่การนำของ
“สามเกลอ” เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ขนาดมีคนเสื้อแดงเรือนแสนมาร่วมขับไล่เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ก็ยังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ดังนั้น หากมีแนวร่วมอย่างทหาร หรือนักรบดำ ทหารพรานที่เสธ.แดงอ้างว่าจะหามาได้ 1,000 คน มาช่วยรบใต้ดิน ก็จะช่วยเร่งสถานการณ์ ทำให้เสื้อแดงถึงจุดหมายเร็วขึ้น และบางทีอาจใช้
“ทางลัด” เหมือนอย่างที่ พล.อ.พัลลภ พูดไว้เป็นนัยว่า การใช้ความรุนแรงจะช่วยล้มรัฐบาลได้โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กระแสแดงกำลังสุกงอมเต็มที่และมีคดียึดทรัพย์คอยจุดหัวเชื้อ
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะถ้าผ่านคดียึดทรัพย์ที่แกนนำเสื้อแดงเชื่อว่าจะโดนยึดเกลี้ยง 7.6 หมื่นล้าน และเสร็จศึกซักฟอกแล้ว ยังปิดบัญชีรัฐบาลไม่ลงก็ต้องรอเหงือกแห้งไปถึงปีหน้า
ทว่า แนวคิด
“ทางลัดล้มรัฐบาล” ของอริสมันต์ ไม่ได้รับการยอมรับในแกนนำนปช. เพราะเห็นว่าเสี่ยงเกินไป และรัฐบาลอภิสิทธิ์เองก็มีแผน “รุกรับ” รัดกุมเข้มแข็งถ้าพลาดอีกครั้ง มีหวังปิดเกมตัวเอง แกนนำซึ่งติดเงื่อนไขประกันตัวจากคดีพะรุงพะรังเมื่อปีก่อนอาจต้องนอนยาวในเรือนจำ
เป้าหมายในการชุมนุมใหญ่ ที่กำลังจดๆ จ้องๆ จึงต้องคิดให้รอบคอบ
เบื้องต้นมีการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนในการชุมนุมใหญ่ก่อนและหลังคดียึดทรัพย์
หากชุมนุมก่อนวันที่ 26 ก.พ. จะได้เปรียบตรงที่ความพร้อมของมวลชน ที่เดินสายเลี้ยงกระแสมาเดือนกว่า แต่ข้ออ่อนคือ จะถูกรัฐบาลโจมตีได้ว่า เคลื่อนไหวเพื่อทักษิณ ซึ่งจะทำให้ขาดความชอบธรรมในการชุมนุมใหญ่และจะทำให้เพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายรัฐ
ความเป็นไปได้จึงอาจเผด็จศึกหลังวันที่ 26 ก.พ. เพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่ได้กดดันศาลฎีกา หรือเกี่ยวข้องกับการทวงขุมทรัพย์ทักษิณ เพราะยังไงเสียก็รู้ว่าโดนยึดแน่ๆ เพียงแต่วินาทีนี้ การทำสงครามรบรัฐบาลต้องชอบธรรม รอบคอบ มีเหตุมีผลมากที่สุด
เพราะแพ้รอบนี้ไม่มีโอกาสแก้ตัวเหมือน
“เมษาจลาจล” อีกแล้ว

