posttoday

ถมทะเลสร้างเมืองใหม่เติมเชื้อไฟหรือปั้มเงิน

12 กรกฎาคม 2554

ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ยุ่งอยู่กับการผลักดันนโยบายหาเสียงต่างๆ นานา ทั้งขึ้นค่าจ้าง 300 บาท

ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ยุ่งอยู่กับการผลักดันนโยบายหาเสียงต่างๆ นานา ทั้งขึ้นค่าจ้าง 300 บาท

โดย...ทีมข่าวการเงิน

เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท จำนำข้าวตันละ 1.5-2 หมื่นบาท เลิกเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ให้เป็นจริงตามที่ประกาศไว้ เพื่อลดแรงกดดันที่มีมากขึ้นว่าอาจทำไม่ได้ตามพูด

อีกด้านหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่แดนไกลก็ผุดไอเดียบิ๊กโปรเจกต์ถมทะเลสร้างเมืองใหม่เพื่อปั๊มรายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้านบาท สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงการเมือง การลงทุนของประเทศ เป็นการเรียกเรตติ้งให้น้องสาวว่าที่นายกฯ อีกทางหนึ่ง

มหึมาบิ๊กโปรเจกต์ถมทะเลของอดีตนายกฯ ทักษิณ คาดว่าจะถมทะเลบริเวณปากน้ำถึง จ.สมุทรสาคร มีพื้นที่ถึง 3 แสนไร่ ต้นทุนถมที่ 1.25 หมื่นบาทต่อตารางวา จะจัดสรรเป็นพื้นที่สาธารณะ 2 แสนไร่ อีก 1 แสนไร่ ขายให้เอกชนได้กำไรไร่ละ 20 ล้านบาท ก็จะได้เงินเข้าประเทศแบบสบายๆ 2 ล้านล้านบาท นำเงินไปพัฒนาประเทศแหล่งน้ำ หรือวางผังเมืองกรุงเทพมหานครใหม่

ถมทะเลสร้างเมืองใหม่เติมเชื้อไฟหรือปั้มเงิน

สอดคล้องกับทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่ขายไอเดียนี้ช่วงก่อนมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น สุชาติ ธาดาธำรงเวช ที่บอกว่าโครงการทำเขื่อนกั้นน้ำถมทะเลจะมีการถมทะเละออกไป 10 กิโลเมตร กว้าง 30 กิโลเมตร ซึ่งจะเห็นว่ามีพื้นที่ขนาดเล็กกว่าของนายกฯ ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม สุชาติ บอกว่า การลงทุนถมทะเลตารางวาละ 2 หมื่นบาท แต่ถ้าไปขายให้ฝรั่งที่ต้องการซื้อที่ดินในประเทศไทยจะได้ตารางวาละกว่า 1 แสนบาท จะเห็นว่าถ้าคิดเป็นกำไรต่อไร่ที่มี 400 ตารางวา จะได้กำไรไร่ละ 30 ล้านบาท มากกว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดไว้ที่ไร่ละ 20 ล้านบาท

ขณะที่ พิชัย นริพทะพันธุ์ อีกหนึ่งในทีมเศรษฐกิจวาดฝันเมืองใหม่ที่จะสร้างขึ้นจะเป็นเมืองในอุดมคติ เป็นเมืองอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นเมืองประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถที่วิ่งในเมืองใหม่ต้องเป็นรถไฟฟ้า

พิชัย มองว่า การถมทะเลสร้างเมืองใหม่จะเป็นการแก้ไขปัญหาทางข้อกฎหมาย จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยคิดสร้างเมืองใหม่ที่ จ.นครนายก แต่ติดปัญหาเวนคืนที่ดินไปพัฒนาขายต่อให้เอกชนไม่ได้ แต่การถมทะเลเป็นที่สาธารณะ รัฐบาลจะบริหารขายให้ใครก็ได้

จากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมาเรียกน้ำย่อย ก็ถูกตั้งข้อสังเกตทันทีว่า โครงการนี้จะทำได้จริงอย่างที่พยายามตีฆ้องร้องป่าวหรือไม่ มีความจำเป็น และคุ้มค่าหรือไม่

หากเราลองคิดจากพื้นฐานของข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ามีการศึกษาไว้แล้วสามารถทำได้ คือสร้างเขื่อนถมทะเลจำนวนพื้นที่ 3 แสนไร่ หากแปลงเป็นตารางกิโลเมตร จะพบว่าเท่ากับ 480 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเกือบเท่าเกาะภูเก็ตที่มีพื้นที่ขนาด 543 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เท่ากับ 2 ใน 3 ของประเทศสิงคโปร์ที่มีพื้นที่ 700 ตารางกิโลเมตร ขนาดพื้นที่ใหญ่โตมโหฬาร เท่านี้ก็ท้าทายว่าเป็นไปได้หรือไม่

นอกจากนี้เมื่อลองมาคิดเงินที่ต้องลงทุนถมที่ 1.25 หมื่นบาทต่อตารางวา ไร่หนึ่งมี 400 ตารางวา เนื้อที่ 3 แสนไร่ คิดเป็น 120 ล้านตารางวา คิดเป็นเงินที่ต้องลงทุนถมที่ 1.5 ล้านล้านบาท เงินลงทุนจำนวนมากเท่ากับ 3 ใน 4 ของงบรายจ่ายของแต่ละปีจะหามาจากที่ไหน

สิ่งที่ต้องคิดตามต่อมาเนื้อที่ดินที่จะขายทำกำไร 1 แสนไร่ ได้กำไรไร่ละ 20 ล้านบาท เมื่อคิดรวมกับต้นทุนถมที่ไร่ละ 5 ล้านบาท ต้องขายที่ให้คนที่สนใจไร่ละ 25 ล้านบาท

ถามว่า มีใครสนใจซื้อที่ถมทะเลในราคาสูงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่การสร้างเมืองไม่มีความชัดเจนว่าจะสร้างเป็นเมืองใหม่ประเภทไหน อุตสาหกรรม หรือแหล่งท่องเที่ยวของคนกระเป๋าหนักมีเงินถุงเงินถัง

นอกจากนี้ ในเมืองไทยที่มีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร ไม่ได้ขัดสนเรื่องพื้นดินเหมือนประเทศสิงคโปร์ จึงน่าจะทำให้นักลงทุนต้องคิดหนัก เพราะพื้นดินที่มีอยู่จำนวนมหาศาลน่าสนใจกว่าที่ถมทะเลเยอะ

ขณะที่ประเด็นการขายที่ดินให้กับคนรวย หรือนักลงทุนต่างประเทศ ยิ่งเป็นแรงต่อต้านให้โครงการนี้เกิดได้ยาก เพราะจะมีกลุ่มต่างๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลว่ายกแผ่นดินให้ต่างชาติ

นี่ยังไม่รวมกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม ความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง และจำนวนเงินอีกมหาศาลที่ต้องมาลงทุนพัฒนาหลังจากถมที่เสร็จ ก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งคำถามจะไปปั๊มเงินจำนวนมหาศาลมาจากไหน

ความเป็นไปได้ของโครงการถมทะเลสร้างเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังประเมินได้จากอภิโปรเจกต์ในเมืองดูไบที่อดีตนายกฯ อาศัยอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการแรกได้แก่ การสร้างหมู่เกาะต้นปาล์ม (The Palm Islands) เป็นโครงการสร้างเกาะเทียมในทะเล 25 ตารางกิโลเมตร ใช้เงินลงทุนถึง 2.1 ล้านล้านบาท ดูไบตั้งเป้าให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เป็นโครงการที่อยู่อาศัยหรูหรา มีท่าจอดเรือยอชต์ มีห้างสรรพสินค้าระดับ 6 ดาว มีสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลก แต่ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวก็เกิดสะดุดจากความเสี่ยงในธุรกิจและการลงทุนที่ไม่ได้ผล

นอกจากนี้ มูลค่าที่ดินในหมู่เกาะต้นปาล์มลดลงมากกว่า 50% โครงการใหม่ต้องชะลอออกไป สุดท้ายบริษัทที่บริหารโครงการก็มีปัญหาไปไม่รอดจนต้องได้รับช่วยเหลือทางการเงินจากสถาบันการเงิน

อีกโครงการหนึ่งในดูไบ คือ เดอะ เวิลด์ การถมทะเลสร้างเป็นแผนที่โลก บนพื้นที่กว้าง 6 กิโลเมตร ยาว 9 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 9 แสนล้านบาท แต่โครงการก็เกิดปัญหาทรายที่ถมยุบตัวลง ราคาที่ดินตกลงกว่า 50% ทำให้คนที่ซื้อไว้ไม่สนใจลงทุนต่อ บริษัทที่รับสัมปทานการบริการเดินเรือภายในโครงการถอนตัว บริษัทที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีปัญหา ทำให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไปไม่ได้

จะเห็นว่า หากเทียบโครงการของดูไบทั้งสองโครงการ มีพื้นที่ขนาดเล็กกว่าโครงการถมทะเลถึง 20 เท่า แต่ใช้เงินพัฒนามากกว่าค่าถมทะเลในโครงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่โครงการดังกล่าวยังไปไม่ถึงฝั่งที่ตั้งเป้าไว้

ดังนั้น หากเทียบเม็ดเงินลงทุนกับขนาดพื้นที่โครงการถมทะเลของไทยที่ใหญ่กว่า 20 เท่า จะพัฒนาไปให้รอดไม่ล้มลุกคลุกคลานก็ต้องใช้เงินถึง 20 เท่าของโครงการในเมืองดูไบ หรือ 40 ล้านล้านบาท ถามว่ารัฐบาลจะเล่นแร่แปรธาตุหาเงินมาจากไหน และภายใน 10 ปี จะสร้างโครงการสำเร็จไหม

โครงการถมทะเลจะสำเร็จหรือล้มเหลว ยังสามารถย้อนไปดูโครงการไอเดียบรรเจิดของอดีตนายกฯ ทักษิณ สมัยที่เป็นผู้นำรัฐบาลไทย ผุดโครงการอีลิตการ์ด ตั้งเป้ารับต่างชาติเป็นสมาชิก 1 ล้านคน ค่าสมาชิกคนละ 1 ล้านบาท ได้เงิน 1 ล้านล้านบาท มาพัฒนาประเทศ แต่ปรากฏว่าโครงการนี้รับสมาชิกได้แค่ 2,570 คน บริษัทที่ดำเนินการมีปัญหาขาดทุน ต้องเลิกกิจการ และยังต้องมานั่งปวดหัวกับการยกเลิกสมาชิกไม่ให้ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย

โครงการโคล้านตัว เป็นอีกโครงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นกับตัวเลขล้านล้านหวังผลทางการตลาดทางการเมือง แต่ปรากฏว่าโครุ่นแรกยังไม่ทันเกิด โครงการล้านตัวก็ต้องล้มตาย บริษัทที่ตั้งขึ้นมาก็ต้องยุบทิ้ง เพราะมีการประเมินเงินลงทุนไม่คุ้มค่า

หรือจะเป็นโครงการสร้างเมืองใหม่ที่ จ.นครนายก ที่มีเรื่องนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี สร้างความฮือฮาไปทั้งประเทศว่าจะเป็นการสร้างเมืองหลวงใหม่ของประเทศ เป็นศูนย์ราชการที่อยู่อาศัย แต่โครงการก็ไม่มีอะไรต่อหลังจากเข้าคณะรัฐมนตรี จนถูกมองว่าเป็นการปั่นที่สร้างราคาให้กับกลุ่มทุนการเมืองที่มีที่ดินอยู่บริเวณดังกล่าว

อีกโครงการของอดีตนายกฯ ทักษิณ คือ โครงการสุวรรณภูมิมหานคร ที่จะตั้งสุวรรณภูมิเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตการปกครองพิเศษ ที่มีรูปแบบคณะกรรมการอิสระในการดูแลบริหารเมือง มหานครสุวรรณภูมิ สร้างความตื่นตัวให้กับนักเก็งกำไรที่ดิน แต่หลังจากโดนยึดอำนาจโครงการนี้ก็ถูกล้มทิ้งไป

สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ประเมินว่า โครงการถมทะเลเป็นโครงการที่ดี แต่มีปัญหาเรื่องความเป็นไปได้ ทั้งการหาแหล่งเงินทุน ความเป็นไปได้ทางวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการที่มีขนาดใหญ่ ไม่มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเหมือนที่ผ่านมา

สมชาย มองว่า การจะถมทะเลสร้างเมืองใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หากมองประเทศสิงคโปร์ ที่มีพื้นที่น้อยทำแล้วประสบความสำเร็จ แต่มองประเทศดูไบที่มีเงินรายได้จากการขายน้ำมันมหาศาลแต่โครงการก็มีปัญหา

ดังนั้น การดำเนินโครงการถมทะเลสร้างเมืองใหม่เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้รอบคอบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่มากกว่าสิงคโปร์หลายเท่า มีความจำเป็นต้องถมทะเลสร้างเมืองใหม่หรือไม่ ขณะเดียวกันประเทศไทยรายได้ไม่ได้มากเป็นถุงเป็นถังเมื่อเทียบกับดูไบ จะสร้างโครงการนี้ให้เกิดจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

แน่นอนว่า การผุดไอเดียถมทะเลสร้างเมืองใหม่ ในแง่การตลาดการเมืองแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเกทับพรรคประชาธิปัตย์ได้ว่า คิดได้ใหม่กว่า ใหญ่กว่า แน่กว่า ทำให้ดูเหมือนวิสัยทัศน์ของพรรคประชาธิปัตย์ตามหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในหลายก้าว

แต่หากมองในแง่ของความสำเร็จของโครงการบิ๊กโปรเจกต์ถมทะเลขายฝันของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปไม่รอดถึงฝันอย่างที่คิดไว้หรือไม่ ไม่มีใครรู้

แต่ผลทางการตลาดได้เกิดขึ้นแล้ว  

 

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง