posttoday

พท.อัดมาร์คถือสองสัญชาติส่อผลประโยชน์ทับซ้อน

18 มีนาคม 2554

เพื่อไทยชี้นายกฯถือสองสัญชาติส่อผลประโยชน์ทับซ้อน หนีการทำผิด  เจอสวนกลับเหตุไม่สละสัญชาติ เพราะพฤติกรรมเป็นคนไทย ไม่เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลต่างชาติ  ยันปัญหาพระวิหาร-มาบตาพุด เกิดในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

เพื่อไทยชี้นายกฯถือสองสัญชาติส่อผลประโยชน์ทับซ้อน หนีการทำผิด  เจอสวนกลับเหตุไม่สละสัญชาติ เพราะพฤติกรรมเป็นคนไทย ไม่เคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลต่างชาติ  ยันปัญหาพระวิหาร-มาบตาพุด เกิดในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

เมื่อเวลา 14.30 น.  บรรยากาศการอภิปรายไม่วางใจวันสุดท้าย ในช่วงบ่ายเป็นไปด้วยความเข้มข้น  โดยเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี    โดย  นาง ฐิติมา  ฉายแสง ส.ส. ฉะเชิงเทรา  พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นสาเหตุของปัญหาไทยและกัมพูชา  เพราะมีการใช้นโยบายต่างประเทศที่เข้มข้น  จนเกิดเหตุที่ปะทะกันที่จ.ศรีสะเกษ   นายกษิต ภิรมย์ ไม่สมควรเป็น รมว. ต่างประเทศ เพราะเคยด่า นายฮุน เซน มาก่อน

อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ยังล้มเหลวการแก้ปัญหามาบตาพุด ที่ไม่รับผิดชอบแต่กลับให้นายอานันท์ ปันยารชุน  เป็นคนรับผิดชอบแทน  ถือว่าเป็นการซื้อเวลา  ทำให้การแก้ปัญหาไม่มีความคืบหน้า  ทำให้ประเทศชาติเสียหาย  เพราะนักลงทุนต่างไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาล และหนีไปลงทุนประเทศอื่น    เห็นได้ว่า  นายกฯ เก่งแต่ปาก สักแต่พูด  ล้มเหลว ล่าช้า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาน้ำท่วม   การแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์ม

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์  ยังมีการถือ 2 สัญชาติ   ซึ่งอาจจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะประเทศไทยต้องมีการเจรจาการค้ากับประเทศอังกฤษ  จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่านายกฯจะไม่โอนเอนเห็นแก่ประเทศอังกฤษ  ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ประโยชน์กับตัวเองมาก่อนหรือไม่  และการถือ 2 สัญชาติของนายอภิสิทธิ์ อาจจะซ้ำรอยกับ กรณี การฟูจิโมโต ฟูจิมูริ   อดีตประธานาธิบดีเปรู  ที่มี 2 สัญชาติ พอทำผิดก็หนีไปอยู่ญี่ปุ่น  ดังนั้น  หากนายอภิสิทธิ์ทำผิดก็อาจจะหนีไปอยู่อังกฤษและเครือจักรภพ ได้  ดังนั้น จึงไม่แปลกที่รัฐบาลนี้มีการคอรัปชั่นและการปราบปรามประชาชน  เพราะนายอภิสิทธิ์ คิดว่าตัวเองสามารถหนีไปอังกฤษได้

ส่วนที่ระบุว่า ” ถ้าให้ตนเองสละสัญชาติ แต่ให้คนของท่านสละด้วยจะยอมหรือไม่  “  นายอภิสิทธิ์พูดแบบนี้ได้อย่างไร  เพราะตอนนี้  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   ไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว  จะถือสัญชาติใดก็ได้    ดังนั้น   นายอภิสิทธิ์ ควรถือสัญชาติเดียว   และควรสละการถือสัญชาติไปเลย     ทั้งนี้แค่มีชื่อ “อภิสิทธิ์”ก็ผิดแล้ว

นายอภิสิทธิ์  ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ว่า    เรื่องนโยบายการต่างประเทศกรณีกัมพูชานั้น  ตนเองไม่ได้เป็นคนปลุกให้มีการคลั่งชาติ แต่ปัญหาเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลในปี 2551ในสมัยพรรคพลังประชาชนที่ยอมรับให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว  โดยที่ไม่มีการสงวนสิทธิ  ซึ่งอาจจะเกิดกรณีปัญกฎหมายปิดปาก เหมือนช่วงการขึ้นศาลโลกว่าไทยได้ยอมรับไปแล้ว   ทั้งนี้รัฐบาลได้หยุดยั้งการขึ้นทะเบียนมรดกโลกมาได้นาน 2 ปี  แต่รัฐบาลในขณะนั้นไม่หยุดยั้งแผนพัฒนาพื้นที่ของคณะกรรมการมรดกโลกเลย    ส่วนปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชามีปัญหาตอนที่อดีตนายกฯยังไปเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา  จะเกิดปัญหาทับซ้อนหรือไม่เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนลงนามเอ็มโอยูผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล  ทั้งหมดนี้ใครกันแน่ที่สร้างปัญหา 

นายกฯ กล่าวว่า  ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา  เป็นความขัดแย้งในเชิงพื้นที่เท่านั้น แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสนามการค้าเป็นสนามรบอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา   เพราะมูลค่าค้าขายยังมีมูลสูงเช่นเดิม  และรัฐบาลของตนเองไม่เคยนำไปปัญหาไปสู่พหุภาคี  และพยายามแก้ปัญหาทวิภาคีมาโดยตลอด   และไทยไม่ได้ต้องรุกรานใคร แต่ต้องปกป้องอธิปไตย

ส่วนเรื่องกรณีคนไทย 7 คน   รัฐบาลได้ช่วยเหลือเต็มที่  จนออกมาได้ 5 คน  เหลืออีก 2 คนก็ดำเนินการเต็มที่ แต่ยากกว่าเพราะทั้ง 2 คน มีข้อหาจารกรรม  ส่วนเรื่องพันธมิตรฯนั้นตนเองไม่มีอำนาจในการห้ามด่า กัมพูชา เพราะแม้แต่ตัวเองยังห้ามไม่ให้พันธมิตรฯด่าตนเองไม่ได้

เรื่องที่ระบุว่า ความอ่อนด้อยประสบการณ์ทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันนั้น    ความจริงมีหลายสำนัก  แต่ตนเองต้องทำงานภายใต้บรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อการลงทุน  เพราะไม่รู้ว่าใครมาไปล้มการประชุมอาเซียซัมมิต  อย่างไรก็ตาม ทางเวที World economic forum” เชิญตนเองไปประชุมทุกปี

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหามาบตาพุดนั้น  รัฐบาลต้องแก้ปัญหาตามคำสั่งศาลปกครอง    ซึ่งรัฐบาลก็พยายามแก้ไขมาตลอด  และให้มาบตาพุดเป็นบทเรียนเรื่องการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐ  และญี่ปุ่นไม่ได้ถอนการลงทุน เพราะในปี 2009 จำนวน 7 หมื่นล้าน ขณะที่ปี 2010 มีมูลค่าการลงทุน  1.4 แสนล้าน  รวมถึงประเทศอเมริกาก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้ปัญหามาบตาพุดเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยพรรคพลังประชาชน  ที่มีการเรียกร้องเขตควบคุมมลพิษแต่ม่มีการแก้ปัญหา  จนรัฐบาลตนเองต้องเข้ามาแก้ปัญหาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะกฎหมายกำลังรอการพิจารณาจากสภา

นายอภิสิทธิ์  กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยปิดบังเรื่องการเกิดที่ประเทศอังกฤษ แต่เรื่องการถือสองสัญชาติ ยังเป็นประเด็ของกฎหมาย  โดยหลักของกฎหมายระหว่างประเทศจะดูสัญชาติคนให้ดูที่พฤติกรรม  ที่ตนเองเข้ามาทำงานรับราชการ    ไปอังกฤษก็ขอวีซ่า  เพราะตนเองถือว่าตนเองเป็นคนไทย สัญชาติไทย    ดังนั้น นักกฎหมายที่ศึกษาเรื่องนี้ก็ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องสละสัญชาติ เพราะตนเองยึดสัญชาติไทย หากสละสัญชาติอังกฤษก็แปลว่าตนเองยึดกฎหมายอังกฤษมาตั้งแต่ต้น

ทั้งนี้เรื่องตนเองไม่เกี่ยวกับ ฟูจิมูริ   แต่ที่พูดกันขึ้นมาเพื่อให้ตนเองขึ้นศาลโลก แต่ถ้าตนเองสละสัญชาติอังกฤษก็หาว่าตนเองหนีศาลโลก  และตนเองไม่เคยมีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องสัญชาติ   เพราะไม่เคยไปเป็นที่ปรึกษาต่างชาติ  ไม่เคยขอสัญชาติอื่นเพื่อไปลงทุนเพื่อผลประโยชน์ให้กับตัวเอง

“ผมขอประดับความรู้ นางฐิติมา ว่า ชื่อ “อภิสิทธิ์” แปลว่าความสำเร็จ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

นายพนิช  วิกิตเศรษฐ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิถูกพาดพิงว่า  กล่าวว่า คนอย่างตนเองไม่สามารถมีใครมาสั่งให้ไปที่ไหนได้ แต่ที่ตนเองเดินทางไปสระแก้ว เพราะมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่ามีปัญหาไม่สามารถเข้าไปทำกินได้เท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์แต่อย่าง

จากนั้น  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย  กล่าวอภิปราย  ด้วยประเด็นเดิมๆ ว่านายกฯ ล้มเหลวในการบริหารงานทุกเรื่อง

 

 

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต