posttoday

ฮุนมาเนต นำทัพเขมรรบไทย

09 กุมภาพันธ์ 2554

ข่าวคราว พล.ท.ฮุนมาเนต บุตรชายคนโตของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เข้ามาบัญชาการรบด้วยตัวเอง กระทั่งเกิดข่าวลือว่าได้รับบาดเจ็บ จากการสู้รบเมื่อคืนวันที่ 6 ก.พ.

ล่าสุด มีการยืนยันว่า พล.ท.ฮุนมาเนต ไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ไม่มีรายงานยืนยันว่าเป็นนายฮุนมานี น้องชายที่เป็นทหารม้าหรือไม่ ที่บาดเจ็บ

ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขาพระวิหารแล้ว เพราะเกรงอันตราย เนื่องจากทหารไทยตอบโต้อย่างหนักแหล่งข่าวเปิดเผย

เหตุผลประการสำคัญที่ทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายฮุนเซน คนนี้ต้องเดินทางจากพนมเปญมาถึงชายแดน ก็แค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ใช่นักรบห้องแอร์ตามที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า พล.ท.ฮุน มาเนต ควรคู่กับตำแหน่งรอง ผบ.กองพลทหารราบ และรอง ผบ.หน่วยองครักษ์ หรือไม่ในวัยเพียง 33 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตในเส้นทางข้าราชการทหารแบบก้าวกระโดดอย่างมากถ้าเทียบกับนายทหารในวัยเดียวกัน ซึ่งเพิ่งดำรงตำแหน่งนายทหารยศ พ.ท.เท่านั้น

ลูกชายนายฮุนเซนคนนี้ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทางสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ให้ทุนในการศึกษาด้วยและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ นิวยอร์ก และเพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสตอลของอังกฤษ

หลังสำเร็จการศึกษาก็เข้ารับราชการทหารรวมแล้วเป็นเวลา 16 ปี โดยรับตำแหน่งสำคัญคือผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลในสังกัดกองพลน้อยที่ 70 โดยกองพลนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อครอบครัวผู้นำกัมพูชาคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นกองกำลังหลักสำคัญในการต่อต้านกลุ่มการเมืองที่คิดจะล้มฮุนเซน

โดยหลายปีที่ผ่านมาครอบครัวฮุนเซนได้บริจาคเงินส่วนตัวเพื่อกองกำลังสำคัญนี้ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทำให้เป็นกองพลที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด นายทหารหลายนายได้รับการฝึกจากต่างประเทศ ทำหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย พร้อมๆ กับการพิทักษ์ผู้นำระดับสูงคือ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ

ทั้งนี้ การเพิ่มบทบาทให้กับ พล.ท.ฮุนมาเนต เป็นความต้องการของผู้นำกัมพูชาที่ต้องการให้ลูกชายคนนี้ที่ได้รับการศึกษาจากทั้งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเข้ามาเป็นตัวเชื่อมผลประโยชน์กับประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะการรับการสนับสนุนในการนำอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บให้กองพลน้อยที่ 70 อันเป็นฐานกำลังหลักของนายกฯ กัมพูชา จึงไม่แปลกที่ผู้เป็นพ่อต้องมอบตำแหน่งนี้ให้กับลูกชาย เพราะเป็นคนที่สามารถไว้วางใจได้มากที่สุด

เพราะฉะนั้น สถานการณ์ในเวลานี้ถือว่าเป็นจังหวะก้าวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพิสูจน์ตัวเองของชายที่ชื่อ ฮุนมาเนต ว่าไม่ได้เป็นแค่นักรบห้องแอร์ และการเข้าไปเสี่ยงตายในสนามรบก็เพื่อต้องการสร้างฐานอำนาจและบารมีให้กับฮุนมาเนตไปสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแบบสมัยใหม่ที่ได้รับการศึกษามาจากประเทศพัฒนาแล้วต่อจากบิดาในอนาคตหลังจากปกครองประเทศแบบผูกขาดฝ่ายเดียวมานานกว่า 30 ปี

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา