posttoday

“ไชยา” ยืนยันร่วมงานพรรคกล้าธรรม ผลักดันนโยบายแก้ปัญหาเกษตรเชิงโครงสร้าง

25 ธันวาคม 2568

“ไชยา” ย้ำร่วมงานพรรคกล้าธรรม เพื่อเป้าหมายผลักดันภาคการเกษตรสู่แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่

นายไชยา พรหมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู เขต 2 ยืนยันการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม เนื่องจากเห็นถึงความชัดเจนของแนวนโยบายด้านการเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสอดคล้องกับประสบการณ์การทำงานใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

 

นายไชยากล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 9 สมัยที่ดำรงตำแหน่ง สส. ได้รับทราบถึงปัญหาของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่หลายพรรคการเมืองเคยให้คำมั่นกับประชาชนในภาคอีสาน แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจรัฐกลับไม่สามารถผลักดันนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้จริง ทำให้ภาคอีสานยังคงเผชิญความเหลื่อมล้ำและถูกเอารัดเอาเปรียบมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการขาดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรอย่างจริงจัง

 

ทั้งนี้ นายไชยาย้ำว่า การย้ายพรรคการเมืองในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากประโยชน์ส่วนตน แต่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

 

นายไชยา ระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพื้นที่เกษตรจำนวนมากยังคงพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ขณะที่ระบบชลประทานจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาคลองตื้นเขิน สถานีสูบน้ำ ท่อส่งน้ำ และประตูน้ำชำรุด ส่งผลให้เกิดการสูญเสียน้ำระหว่างทาง ข้อมูลภาคสนามสะท้อนว่า เกษตรกรจำนวนมากมีน้ำใช้เพียง 3–4 เดือนต่อปี ทำให้รายได้กระจุกตัวอยู่ในฤดูเดียว และต้องเผชิญความเสี่ยงซ้ำซากในช่วงฤดูแล้ง

“ไชยา” ยืนยันร่วมงานพรรคกล้าธรรม ผลักดันนโยบายแก้ปัญหาเกษตรเชิงโครงสร้าง

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา นายไชยาเสนอว่าจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุ โดยเริ่มจากการจัดทำบัญชีจุดเสี่ยงด้านน้ำเพื่อการเกษตรในระดับตำบลและกลุ่มผู้ใช้น้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อระบุจุดคอขวดที่แท้จริง เมื่อทราบปัญหาชัดเจน การซ่อมแซมจะสามารถดำเนินการได้ตรงจุด ใช้งบประมาณไม่มาก แต่สามารถปลดล็อกพื้นที่เพาะปลูกหลายพันไร่ให้กลับมามีน้ำใช้อย่างทั่วถึง

 

นายไชยากล่าวว่า แนวทางดังกล่าวถือเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยภายหลังจากที่น้ำสามารถเข้าถึงแปลงนาแล้ว จะมีการส่งเสริมการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านระบบ Smart Irrigation และการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) ในพื้นที่ที่เหมาะสม

 

“ผลที่เกิดขึ้นคือการใช้น้ำลดลงประมาณ 20–30% ต้นทุนค่าน้ำมันและค่าไฟลดลง ขณะที่ผลผลิตไม่ลดลง และคุณภาพผลผลิตดีขึ้น” นายไชยากล่าว.

ข่าวล่าสุด

ปิดฉากคดีฉาวข้ามชาติ! ฝากขัง "น.ส.ลัก" บังคับลูกวัย 12 ค้ากามที่ญี่ปุ่น