ชี้ ยุบสภา ทำเศรษฐกิจสะดุด มั่นใจปมชายแดน ไม่เอื้อรัฐบาลรักษาการอยู่ยาว
“เอกสิทธิ์ พรรคปวงชนไทย” ชี้ ยุบสภาทำเศรษฐกิจสะดุดจริง แต่เชื่อว่า ปมชายแดนไม่ทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่ยาว พร้อมเปิดตัวคนรุ่นใหม่ - นักธุรกิจ สู้ศึกเลือกตั้ง กทม. ชูนโยบาย AI ปราบคอร์รัปชัน แก้ปากท้องสร้างอาชีพ
KEY
POINTS
- ชี้ ยุบสภาทำเศรษฐกิจสะดุด แต่ไม่เชื่อปมชายแดน ทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่ยาว เรียกร้องเร่งจัดเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
- เปิดตัวทีมคนรุ่นใหม่-นักธุรกิจสู้ศึกเลือกตั้ง กทม. ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง สร้างอาชีพให้คนตกงาน
- เสนอนโยบายเด่นใช้ AI ปราบคอร์รัปชัน ตั้งเป้า "ซีโร่ คอร์รัปชัน" ดึงงบประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท เข้าระบบ
การยุบสภาของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แม้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจแก่ภาคธุรกิจและพรรคการเมืองต่างๆที่เตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งอยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ยังคงมีประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่นโยบายต้องสะดุด รวมถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายฝ่ายยังคงกังวล
เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล หัวหน้าพรรคปวงชนไทย กล่าวว่า ภายหลังยุบสภา เสถียรภาพทางการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันที่เป็นรัฐบาลรักษาการที่หลายฝ่ายมองว่าอาจจะอยู่ยาวนั้น ต้องดูที่สถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ยังมีสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ แต่เมื่อยุบสภาแล้วทุกพรรคการเมืองต้องเตรียมตัวในการเลือกตั้งและพี่น้องประชาชนคนไทยก็ต้องมองไปข้างหน้า เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งไว้ก่อนเพราะมีเวลาน้อย
1 ปี นักศึกษาจบใหม่ตกงานสูง เร่งสร้างอาชีพ
ขณะที่ 3-4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนและประเทศเสียโอกาสโดยเฉพาะเรื่องปากท้องคุณภาพชีวิตซึ่งยังไม่มีพรรคการเมืองไหนแก้ได้ ตนในฐานะประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยและเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม รู้สึกห่วงใย เนื่องจาก 1 ปีมีนักศึกษาที่จบใหม่ทั้งมหาวิทยาลัยและอาชีวะจบมาหลายแสนคนแต่ไม่มีงานทำ จึงต้องมีการสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ
พรรคปวงชนไทย มีนโยบายเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจคือ สร้างคนให้มีความรู้ เก่ง มีศักยภาพมีทักษะ สร้างโอกาสให้ประชาชนและที่สำคัญคือต้องเป็นคนดี ซึ่งจะเกิดความยั่งยืนต่อประเทศ เราพร้อมเข้ามาทำงานให้กับประชาชนเพื่อสามารถสร้างงานรองรับและสร้างอาชีพที่มั่นคงยั่งยืนดูแลครอบครัวและกลับมาดูแลสังคมประเทศชาติต่อไปได้
เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล
หากรัฐบาลรักษาการ ยังคาราคาซังไปแบบนี้ อาจจะไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติแน่นอนเพราะรัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ จึงเป็นจุดอ่อนและเปราะบางต่อสังคมไทยโดยเฉพาะที่มีความเดือดร้อนและยากลำบากจึงควรจะรีบจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด
ใช้ AI ดึงงบ 1.2 ล้านล้าน เข้าระบบ ชู “ซีโร่ คอร์รัปชัน”
เอกสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาสำคัญของประเทศที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของไทย ซึ่งงบประมาณของประเทศปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท ทุกคนทราบดีว่าการคอร์รัปชันในประเทศเยอะมาก ตีไว้ที่ขั้นต่ำ10% จากงบประมาณต่อปี เงินหายไปจากระบบกว่า 3 แสนล้านต่อปี
เมื่อนับเวลา 4 ปีของรัฐบาลเท่ากับเงินงบประมาณที่หายไปกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญมากที่กัดกร่อนประเทศมายาวนาน จะดีแค่ไหน ถ้าเราป้องกันได้และสามารถนำเงินส่วนนี้กลับเข้ามาในระบบเพื่อนำไปช่วยดูแลพี่น้องประชาชน
พรรคปวงชนไทย มั่นใจเรามีระบบและแนวทางแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้เป็น “ซีโร่ คอร์รัปชัน” ได้โดยใช้วิธีป้องกันไม่ให้เงินรั่วไหลเข้าสู่วงจรทุจริต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจเข้ามาแก้ไข โดยอาศัยระบบเทคโนโลยีดิจิทัลรูปแบบใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินงบประมาณแผ่นดินรั่วไหลออกจากระบบ ไหลออกนอกประเทศไป สามารถป้องกันได้และนำเงินมาดูแลประชาชนได้ พรรคปวงชนไทยมีข้อมูล พร้อมที่จะเข้ามาทำงานแก้ปัญหาดังกล่าว
เปิดตัว คนรุ่นใหม่-นักธุรกิจ ชิงพื้นที่ กทม.
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พรรคได้มีการประชุมแต่งตั้งตัวแทนพรรคปวงชนไทยประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร มีคณะรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค มีนายวิทยา ติรณะประกิจ รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค นายจิตรกร ลากูล ,นายวรฐ สุนทรนนท์ ,นายกฤษ สีตองอ่อน รองหัวหน้าพรรค , นายสมบูรณ์ บุญยรัตนประภา ,นายธนภัทร ศักดิ์เรืองงาม ,นายวิรัตน์ ลีรุ่งเรือง ,นายประจักษ์ จันทร์เดช, นายสุวโรจน์ กิจสมศักดิ์ กรรมการบริหารพรรค ,นางสาววชิรภรณ์ สุระหิรัญพล รองโฆษกพรรคปวงชนไทย
นอกจากนี้ ยังมีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยสมาชิกพรรค ได้มีมติแต่งตั้ง นายปริญญา นิลรัตนคุณ เป็น ตัวแทนคนที่ 1 นายเกรียงไกร สาลีผล ตัวแทน คนที่ 2 และนายอธิป เพศยนาวิน เป็นตัวแทนคนที่ 3
สำหรับไฮไลท์สำคัญของการประชุม เอกสิทธิ์ ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. 7 เขต ประกอบด้วย นายพงษ์กฤษณ์ โอถาวร ว่าที่ผู้สมัครสส. เขต 1 ป้อมปราบ ศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์บางรัก ดุสิต พระนคร,นางสาววรศิริ สุพานิชวรภาชน์ เขต 2 สาทร ปทุมวัน ราชเทวี,นายธัญญะ เมษประสาท เขต 13 ลาดพร้าว บึงกุ่ม
นางสาวกอบแก้ว เจริญสินโอฬาร ว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.เขต 20 ลาดกระบัง,นายเกรียงไกร สาลีผล ว่าที่ผู้สมัครส.สกทมเขต 21 ประเวศ สะพานสูง,นายอธิป เพศยนาวิน ว่าที่ผู้สมัครส.สกทมเขต 22 สวนหลวงประเวศ ,ดร.พนิต นะวิโรจน์ ว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.เขต 23 พระโขนงบางนา และนายธนพล ศรีสุด ว่าที่ผู้สมัครส.สกทมเขต 29 หนองแขมบางแค


