นายกฯอนุทินรับรู้จักเบน สมิธ แต่ไม่สนิท ลั่น “You know me little go”
นายกฯอนุทินแจงรู้จักเบน สมิธแค่ผ่านหน้า ไม่สนิท ชี้ภาพหลุดเรื่องเก่า สวนข้อครหาว่ารัฐบาลไม่กล้าแตะเครือข่ายสแกมเมอร์ ลั่น “You know me little go” รู้ดีใครปล่อยภาพ
KEY
POINTS
- นายกฯ อนุทิน ชี้แจงภาพคู่ "เบน สมิธ" โดยยอมรับว่ารู้จักกันจริง แต่ไม่สนิทสนม เป็นเพียงการเจอกันในงานสังคมหลายปีก่อน
- ยืนยันไม่มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจหรือธุรกรรมใดๆ และย้ำว่าตนเป็นผู้ที่ไม่อนุมัติสัญชาติไทยให้กับเบน สมิธในอดีต
- ตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าไม่กล้าปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ด้วยวลี "You know me little go" เพื่อแสดงความไม่เกรงกลัวอิทธิพล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงประเด็นภาพหลุดร่วมเฟรมกับนายเบญจมิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ นักธุรกิจที่ถูกโยงเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ โดยยอมรับว่า “รู้จักแต่ไม่สนิท” และเป็นเพียงการเจอกันในงานสังคมหลายปีก่อน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดตามที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
นายกฯอนุทินระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นเรื่องเก่า ทุกคนเห็นได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อปีใด พร้อมย้ำว่าตนไม่เคยมีธุรกรรมหรือการติดต่อส่วนตัวใดกับนายเบน สมิธ และย้อนถามสื่อว่า “จำไม่ได้หรือว่าทำไมเขาถึงไม่ได้สัญชาติ” โดยยืนยันว่าการที่ตนไม่อนุมัติสัญชาติไทยให้ เป็นหนึ่งในเหตุที่ทำให้ถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทยในรัฐบาลชุดก่อน แต่ไม่ใช่การปลดออกจากรัฐบาล เพียงแค่ถูกขอให้ย้ายไปเป็น รมว.สาธารณสุข ซึ่งพรรคภูมิใจไทยปฏิเสธ
เมื่อถูกถามว่าภาพที่ถูกปล่อยออกมามีลักษณะโจมตีทางการเมืองหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “แล้วแต่คิด” ก่อนเสริมว่า “รู้หมดแหละ นักข่าวก็รู้ ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าใครปล่อยภาพ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนครั้งที่พบเบน สมิธ นายกรัฐมนตรีหัวเราะก่อนตอบว่า เจอกันตามงานสังคมประมาณ 5–6 ครั้ง เป็นความสัมพันธ์แบบ “เพื่อนของเพื่อน” และไม่เกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต พร้อมสวนกลับทันทีว่า
“ผมหรือไม่กล้าแตะ? You know me little go คุณรู้จักผมน้อยไป”
ด้านการดำเนินคดี นายอนุทินระบุว่า การขยายผลและการออกหมายจับเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากปลายทางของเส้นเงินถึงใครก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อมอบนโยบายด้านความมั่นคงแนวชายแดน ตรวจการสาธิตแผนเผชิญเหตุ และพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น.


