เจาะลึกเคาะสส.แบ่งเขตใหม่ สะท้อนโครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลง

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำคัญของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 กำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตทั่วประเทศรอบใหม่ ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลทางการเมืองชุดแรกหลังการปรับปรุงทะเบียนราษฎรปลายปี 2567

โดยผลประกาศรอบนี้ยืนยันชัดเจนว่า “โครงสร้างประชากรไทยกำลังเคลื่อนตัว” และสะท้อนการกระจุกตัวในเมืองใหญ่ต่อเนื่อง โดยกรุงเทพมหานครครองตำแหน่งจังหวัดที่มีจำนวนเขตเลือกตั้งมากที่สุดถึง 33 เขต

การคำนวณใหม่ใช้ฐานประชากรไทยจำนวน 64,953,661 คน หรือเฉลี่ย 162,384 คนต่อ สส.หนึ่งคน ทำให้ กทม.และเมืองเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งได้จำนวนเขตเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มขยายตัวของชุมชนเมือง

ขณะที่นครราชสีมา รั้งอันดับสองที่ 16 เขต ตามด้วยกลุ่มจังหวัดขนาดใหญ่ของภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น และอุบลราชธานี ซึ่งมีจังหวัดละ 11 เขต

ด้านภาคเหนือและภาคใต้ก็ปรากฏการขยับตัวอย่างน่าสนใจ เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ และอุดรธานี ครองจำนวน 10 เขต ส่วนจังหวัดรองอย่างนครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ และสงขลามี 9 เขต ซึ่งสะท้อนทั้งจำนวนประชากรและบทบาทเมืองศูนย์กลางของภูมิภาค

ในขณะที่จังหวัดขนาดกลางอย่างสุรินทร์ ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 8 เขต สอดคล้องกับการขยายตัวของเมืองปริมณฑลและพื้นที่อุตสาหกรรม ส่วนจังหวัด 7 เขต ได้แก่ ชัยภูมิ สกลนคร เชียงราย และสุราษฎร์ธานี ที่มีประชากรหนาแน่นต่อเนื่องจากเมืองหลักและชุมชนรอบนอก

กลุ่มจังหวัด 5–6 เขตกระจายตัวในพื้นที่ที่มีการเติบโตปานกลาง เช่น กาญจนบุรี พิษณุโลก ราชบุรี สุพรรณบุรี นราธิวาส และปัตตานี ซึ่งเป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว เมืองเกษตร และพื้นที่ชายแดนที่มีประชากรคงตัว

ขณะที่จังหวัดขนาดเล็กหลายแห่ง เช่น ตราด ระนอง สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี ยังคงมีเพียง 1 เขตเลือกตั้ง สะท้อนจำนวนประชากรที่ค่อนข้างคงที่และการย้ายถิ่นเข้าสู่เมืองใหญ่ที่มีความต่อเนื่องยาวนาน โดยรวมโครงสร้าง สส.แบบแบ่งเขตครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็น “แผนที่การเลือกตั้งใหม่” แต่ยังเป็นภาพสะท้อนสังคมไทยที่เปลี่ยนไปตามวิถีเมืองและเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างชัดเจน.

ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา (คลิ๊กอ่าน)