เสริมกำลังทหารเฝ้าระวังชายแดนบุรีรัมย์
กองพันทหารราบที่ 4 เสริมกำลังดูแลชายแดนบุรีรัมย์ป้องกันการรุกล้ำอธิบไตย ขณะที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดหลังกัมพูชาเสริมกำลังพร้อมอาวุธเช่นกัน
กองพันทหารราบที่ 4 เสริมกำลังดูแลชายแดนบุรีรัมย์ป้องกันการรุกล้ำอธิบไตย ขณะที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดหลังกัมพูชาเสริมกำลังพร้อมอาวุธเช่นกัน
วันนี้ (7ก.พ.) ได้มีการเสริมกำลังทหารจากกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ร. 23 พัน 4 ) ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมอาวุธประจำกาย จำนวน 1 กองร้อย ไปดูแลรักษาความปลอดภัย ตามเส้นทางถนนสายยุทธศาสตร์ระหว่าง อ.บ้านกรวด – อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้กัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย
ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณฐานปฏิบัติการช่องสายตะกู หมู่ 5 บ้านสายโท 6 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีกองร้อยทหารพรานที่ 2604 หน่วยเพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ประจำการอยู่ มีรายงานว่า เริ่มมีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ต่างตรึงกำลัง เตรียมความพร้อมทั้งกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมรับมือการสู้รบที่อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ด้านชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณฐานปฏิบัติการช่องโอบก กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 216 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 บ้านสายโท 1 ใต้ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ประมาณ 5 กิโลเมตร นายณัฐ ชาติวัฒนศิริ นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ หลังทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชายังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ
จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด แต่ทาง ตชด.ก็ได้ส่งกำลังพร้อมอาวุธผลัดเปลี่ยนลาดตระเวน และส่องกล้องติดตามความเคลื่อนไหว ของทางฝ่ายกัมพูชาอยู่ตลอดทุกชั่วโมง เพื่อรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับการบัญชาทราบเป็นระยะ
นายณัฐ กล่าวว่า ชายแดนฝั่ง อ.บ้านกรวด ยังเป็นปกติ ไม่มีการปะทะ และไม่มีการเสริมกำลังของทหารทั้งสองฝ่ายทางอำเภอได้สั่งการให้สถานีตำรวจ 4 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะรถพยาบาล และรถบรรทุกน้ำ
นอกจากนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครรักษาดินแดนกว่า 20 นาย ร่วมกับกำลังอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง(อพป.) ชุดป้องกันตนตนเองตามแนวชายแดน(ปชด.) หมู่บ้านละ 15 คน พร้อมอาวุธปืน 15 กระบอก เข้าไปเฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนตามหมู่บ้านแนวชายแดน พร้อมติดตามข่าวความเคลื่อนไหวสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น รายงานให้ทราบตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว


