สส.ปชน. ยกร่างรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เป็นประชาธิปไตย หวัง “อนุทิน” เปิดโอกาส
“เชตวัน” ยก ร่างรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เป็นประชาธิปไตย หวัง “อนุทิน” เปิดโอกาสประเทศเดินหน้า จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประชาชนมีส่วนร่วม
ในการประชุมร่วมกันของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... โดยนายเชตวัน เตือประโคน สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี ในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า ขอเริ่มต้นการอภิปรายด้วยคำถามที่อาจารย์ท่านหนึ่งถามในการอบรมหลักสูตร ปรม.รุ่น 24 สถาบันพระปกเกกล้า ที่รัฐสภาส่งไปเรียนว่า ถ้าเปิดอ่านรัฐธรรมนูญ ควรให้ความสำคัญกับหมวดใด หรือไปอ่านมาตราไหนก่อน?
คำตอบมีหลากหลาย แต่เฉลยคำตอบของอาจารย์คือ ให้ไปดูบทเฉพาะกาล มาตรา 279 ที่สรุปสั้นๆ ว่า การกระทำใดๆ ของ คสช.ถูกทั้งหมดคือตลกร้าย ที่ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้พี่น้องประชนคนไทยจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 มาแล้ว 8 ปี ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ดังนี้
1. ร่างโดยกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่ได้มีสวนร่วมใดๆ
2. ร่างโดยคนที่ คสช. จิ้มมา ซึ่่งครั้งแรกร่างแล้วไม่พอใจ ‘เขาอยากอยู่ยาว’ ก็ต้องไปหาผู้ร่างคนใหม่มาทำงานให้ได้อย่างที่ต้องการ และ
3.ร่างโดยที่มีเนื้อหาวางกลไกสืบทอดอำนาจอย่างหน้าไม่อาย อย่างที่มีคนเคยพูดออกมาว่า ‘รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา’
“นี่คือ 8 ปีสำหรับรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ถ้ามองไปไกลกว่านั้น นับถอยหลังไปอีกตัวเลขที่เราจะได้คือ เกือบ 11 ปี ของการรัฐประหาร พฤษภาคม 2557 และ 19 ปี ของการรัฐประหาร กันยายน 2549 ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ เราอยู่ในวังวนของความขัดแย้งที่ไม่จบไม่สิ้น รัฐธรรมนูญซึ่งควรจะเป็นเจตจำนงของประชาชน เป็นเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันของประชาชน กลับถูกใช้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองสำหรับฝ่ายตน และถูกใช้เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม"
อย่างที่เราทุกคนได้เห็น มีพี่น้องประชาชนต้องติดคุกติดตาราง มีพรรคการเมืองถูกยุบ มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิ์ บางคน 10 ปี ขณะที่บางคนตลอดชีวิต เกือบ 2 ทศวรรษ ประเทศอื่นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เราจะอยู่ในวังวนนี้กันต่อไปหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เรามาร่วมกันคบคิดในวันนี้
นายเชตวัน กล่าวว่า “ในการอยู่ร่วมกันของคนตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป จะมีสิ่งที่เรียกว่า Power relation หรือ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ใช้อำนาจระหว่างกัน ดังนั้น จะอยู่กันได้อย่างสงบก็ต้องมีข้อตกลงร่วมกัน และรัฐธรรมนูญนี่แหละเป็น ข้อตกลงร่วมกันของคนในสังคม ในฐานะ
1. เป็นกฎหมายสูงสุด
2. กำหนดสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน
3. จัดตั้งสถาบันทางการเมืองที่สำคัญต่างๆ
4. ควบคุมการใช้อำนาจของรัฐ และองค์กรอื่นๆ ในรัฐ
ถ้าต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรต้องเป็นอำนาจของใคร ใช่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยหรือไม่ ดังนั้น วันนี้เราจะมาร่วมกันแก้ไข วิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ไปสู่การมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ที่ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญ”
พูดอย่างถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจจะมากำหนดวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แบบที่พวกเราต้องพยายามทำตามที่ศาลสั่งกันอยู่นี้ด้วย เพราะศักดิ์อำนาจไม่เท่ากัน ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ กำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญและใช้อำนาจที่รับมาจากรัฐธรรมนูญ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าจะมาสั่งประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ
ถ้าเป็นอย่างนี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็เหนือกว่ารัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ที่เราต้องมาทำกันวันนี้เพื่อให้มันพอไปกันได้ เพื่อเปลี่ยนผ่านก้าวแรกให้ได้ ไขกุญแจดอกแรกเพื่อเปิดสู่ประตูบานต่อๆ ไป ที่เข้ารูปเข้ารอยกว่าเดิม
นายเชตวัน กล่าวอีกว่า “นับตั้งแต่เป็นประชาธิปไตย ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแค่เพียง 3 ฉบับ ที่จัดทำโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน มีเนื้อหาและเป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตย คือ
1. รัฐธรรมนูญ 2489 ร่างขึ้นหลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงรัฐบาลพลเรือนที่ ปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรี
2. รัฐธรรมนูญ 2517 ร่างขึ้นหลังเหตุการณ์ขบวนการประชาชนได้รับชัยชนะ 14 ตุลาคม 2516 ในช่วงรัฐบาลพลเรือน สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
3. รัฐธรรมนูญ 2540 ร่างขึ้นหลังเหตุการณ์ขบวนการประชาชนได้รับชัยชนะ พฤษภาคม 2535 ในช่วงรัฐบาลพลเรือน บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นรัฐบาลพลเรือน จะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์”
“ผมลองเทียบกับชื่อนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 ท่าน ที่มีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ พร้อมกันนี้ก็ฝากคำถามที่เป็นเหมือนความคาดหวังไปถึงคุณอนุทินว่า ‘ปรีดี’ คุณอนุทินจะทำให้ประชาชนปรีดีปรีเปรมด้วยการไขกุญแจเพื่อเปิดประตูไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้หรือไม่?
‘สัญญา’ คุณอนุทินจะแก้รัฐธรรมนูญพาไปสู่การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้หรือไม่? และ ‘บรรหาร’ คุณอนุทินจะบรรหารหรือบริหารประเทศไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่?
อย่าให้ประชาชนไม่ปรีดี อย่าต้องกลายเป็นคนผิดสัญญา และอย่าให้ต้องถูกตราหน้าว่าบรรหารประเทศไม่เป็น เพราะไม่อย่างนั้น คำว่าอนุทินที่แปลว่าการบันทึกเรื่องราว ก็จะเป็นการบันทึกเรื่องราวซึ่งเป็นความด่างพร้อยในชีวิตของท่าน” นายเชตวัน กล่าว
สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี ในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หวังว่าสมาชิกรัฐสภาจะร่วมกันสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนได้มามีส่วนร่วม บันทึกไว้ในอนุทินนี้


