posttoday

ศาลรธน. มีมติ 6 ต่อ 2 ลุยต่อคดี ‘ภูมิธรรม-ทวี’ แทรกแซงสอบฮั้วสว.

30 กันยายน 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ ถกคดีสำคัญ 3 เรื่อง มีมติ 6 ต่อ 2 ลุยต่อคดีแทรกแซงสอบฮั้วสว. แม้ "ภูมิธรรม - ทวี" แม้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ชี้ การพิจารณาจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีจำนวน ๓ เรื่อง โดยมีคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ ดังนี้

(1)คำร้องคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง พลตรี ยุวคนธ์ เพ็ชร์ภา (ผู้ร้อง) คัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 83/2568 ลงวันที่13 สิงหาคม 2568 ที่สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 วรรคสอง ประกอบมาตรา 191 ว่า การที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินกับผู้กู้ยืมเงินโดยมีภริยาผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกัน เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 และมาตรา 421 ทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 และมาตรา 152 อีกทั้งการที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ถึงผู้ถูกร้องที่ 8 มีคำพิพากษาโดยไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้ผู้ร้องต้องเสียเงินเพื่อปลดเปลื้องการบังคับคดียึดที่ดินของผู้ร้องและภริยา ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องใหม่

 

ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่อง เป็นกรณีเดียวกับที่ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธธธรรมญ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารพิจารณาวินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 231 มาแล้วหลายคำสั่ง

 

จึงเป็นคำร้องที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่งและวรรคสาม

 

ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

(2) ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 1670 (4) และ (5) หรือไม่(เรื่องพิจารณาที่ 8/2568)

 

สมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) โดยกล่าวอ้างว่า การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแชงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแชงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 

 

อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม อย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 1660 (4) และ (5) หรือไม่

ผลการพิจารณา

ศาสรัฐรรมนูญพิจารมาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ในขณะที่คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธธรรมญที่

17/2568 เป็นผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง 

 

ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2568 และมี

พระบรมราชโองการโปรดแกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ตามประกาศลงวันที่ 19 กันยายน 2568

โดยไม่ปรากฏรายชื่อผู้ถูกร้อง ทั้งสองได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และวันพุธที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2568

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำให้ผู้ถูกร้องทั้งสองพ้น

จากความเป็นรัฐมนตรี 

 

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า การพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญ พ.ศ. 2561

มาตรา 51 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูเสียงข้างมาก จำนวน 6 คน คือ 

นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 

นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม

นายจิรนิติ หะวานนท์ 

นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 

นายอุดม รัฐอมฤต 

นายสุเมธ รอยกุลเจริญ 

 

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า เมื่อผู้ถูกร้องทั้งสองพันจากความเป็นรัฐมนตรี กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 51

 

(3) พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (2) และ (3)

และมาตรา 21 วรรคสองและวรรคสาม ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 25

และมาตรา 29 หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 12/2568)

ศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของผู้ถูกร้องขอ (นายแส จิ้นเจียง หรือ SHE Zhijiang) ในคดีหมายเลขดำ

ที่ ผด 1/2567หมายเลขแดงที่ 3494/2568 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

มาตรา 212 ว่า พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 และมาตรา 21 ขัดหรือแย้ง

ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 65 มาตรา 26 มาตรา 27 และมาตรา 29 หรือไม่

 

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปราย และให้เจ้าหน้าที่ รวบรวมพยานหลักฐาน

โดยศาลรัฐธรรมนูญจะกำหนดประเด็นวินิจฉัยในการปรประชุมครั้งต่อไป

หมายเหตุ

1. นายสราวุธ ทรงศิวิไล ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นตลาการศาลรัฐธรรมญแล้ว แต่ยังไม่ได้

เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ได้ร่วมพิจารณาวินิจฉัยทุกเรื่อง

 

2. พณราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วบวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรรรรมนูญ 2561 มาตรา 51 คำร้องที่ได้ยื่นต่อศาลไว้แล้ว ก่อนศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่ง ถ้าผู้ร้องตาย หรือมีการขอถอนคำร้อง หรือไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีนั้น ศาลจะพิจารณาสั่งจำหน่ายคดีนั้นก็ได้ เว้นแต่การพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ฟูแล่ม พบ คริสตัล พาเลซ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 7 ธ.ค.68