posttoday

แถลงนโยบายรัฐบาล "อนุทิน" เดิมพันรัฐบาลเสียงข้างน้อย

29 กันยายน 2568

วันที่ 29-30 กันยายน 2568 กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิทางการเมือง เมื่อรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอนุทินแถลงนโยบายเร่งด่วนที่เน้นสร้างผลงานที่เห็นผลเร็ว (Quick Win) ภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณ
  • ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายอย่างหนัก โดยพรรคเพื่อไทยมุ่งโจมตีประเด็นการเมืองและ "แผลเก่า" ขณะที่พรรคประชาชนเน้นตรวจสอบเนื้อหานโยบายและความเสี่ยง
  • การแถลงนโยบายครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์เสถียรภาพของรัฐบาล และเป็นเวทีประลองกำลังทางการเมืองก่อนการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

การแถลงนโยบายครั้งนี้ ถือเป็นการเผชิญหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและงบประมาณ กับฝ่ายค้านที่รอ "ชำแหละ" อย่างเต็มที่ เป็นมาตรวัดเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลอนุทิน ที่ต้องเร่งสร้างผลงานให้ทันก่อนเสียงระฆังยุบสภาจะดังขึ้น

 

รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เริ่มต้นการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่ท้าทายอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเป็น รัฐบาลเสียงข้างน้อย, การมี เวลาในการบริหารประเทศที่จำกัด เพียงไม่กี่เดือนก่อนการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และการต้องบริหาร งบประมาณปี 2569 ที่รัฐบาลชุดก่อนเป็นผู้จัดทำข้อจำกัดเหล่านี้บีบให้รัฐบาลต้องกำหนดยุทธศาสตร์ที่เน้นความรวดเร็วและเห็นผลเป็นรูปธรรม

 

นายอนุทินย้ำมาตลอดว่าสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทยคือ "ทำได้เร็ว ทำได้เลย" ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศต้องการเห็นผลลัพธ์แบบ "Quick Win"

 

ในเอกสารคำแถลงนโยบาย  ซึ่งมีเพียง 7 หน้า สะท้อนการมุ่งเน้นแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า โดยแบ่งออกเป็น 5 ด้านสำคัญ ครอบคลุม 15 แนวทางปฏิบัติ มีประเด็นที่น่าสนใจหลายจุด

แถลงนโยบายรัฐบาล "อนุทิน" เดิมพันรัฐบาลเสียงข้างน้อย

 

1 นโยบายด้านเศรษฐกิจ: สร้างรายได้ ลดรายจ่าย และแก้หนี้ครัวเรือน

มุ่งเน้นนโยบายที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างและเห็นผลเร็ว  เช่น การฟื้น โครงการคนละครึ่ง การ ช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน และ การเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ SMEs นโยบายเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นการ "เกทับ" พรรคเพื่อไทยอย่างจงใจ โดยเทียบกับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่รัฐบาลชุดก่อนไม่สามารถผลักดันได้สำเร็จ 

 

2 นโยบายด้านความมั่นคง: สันติภาพชายแดนและการต่างประเทศเชิงรุก

ในประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลย้ำจุดยืนแก้ปัญหาด้วย แนวทางสันติภาพ และการเจรจาทางการทูต ควบคู่กับการรักษาอธิปไตยอย่างเข้มแข็ง ที่น่าจับตาคือการเสนอ ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนร่วมตัดสินใจในการยกเลิก MOU สร้างความกังวลให้แก่พรรคประชาชน ซึ่งมองว่าอาจเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบในประเด็นที่ละเอียดอ่อนให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ 

 

3 นโยบายด้านสังคม: ปราบปรามพนัน-ทุจริต และยึดหลักนิติธรรม

รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการ ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ประกาศจะไม่สนับสนุนธุรกิจการพนันถูกกฎหมาย และไม่สนับสนุนการจัดตั้งเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจการพนัน ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนอย่างสิ้นเชิง 

 

4 นโยบายด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม: รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยประกาศเป้าหมายให้ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

5 นโยบายด้านการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย: สู่รัฐบาลดิจิทัล

รัฐบาลตั้งเป้าพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ และเร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชาชน 

 

ฝ่ายค้านเรียงหน้า: เตรียม "ชำแหละ-ตีแผลเก่า" กลางสภา

 

การแถลงนโยบายครั้งนี้ เป็นเหมือนสมรภูมิที่ฝ่ายค้านได้เตรียมทีมอภิปรายและประเด็นที่จะใช้โจมตีรัฐบาลไว้อย่างหนัก โดยพรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นการโจมตีทางการเมืองเพื่อ "ตีแผลเก่า" ในขณะที่พรรคประชาชนวางตัวเป็นผู้ตรวจสอบนโยบายเชิงลึก เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงทางการคลังและประเด็นเชิงหลักการ

 

1 พรรคเพื่อไทย: เปิดยุทธการ "4 เดือนยุบคดี 4 หายนะ"

พรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีพร้อม "เอาคืน" อย่างเต็มที่ โดยเปิดธีมการอภิปรายที่ดุเดือดว่า "4 เดือนยุบสภา หรือจะเป็น 4 เดือนยุบคดี" และ "4 ข้อหายนะ" ซึ่งประกอบด้วย ขาดโอกาส ขาดคนมีฝีมือ ขาดความโปร่งใส และขาดอนาคตประชาธิปไตย คาดว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้เวทีนี้ในการ "ตีแผลเก่า" ของพรรคภูมิใจไทยอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะประเด็นที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วการเลือก สว. รวมถึงการตั้งคำถามถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคนที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสม

 

2 พรรคประชาชน: ตรวจสอบ MOA และการใช้งบประมาณ

พรรคประชาชนวางแนวทางการอภิปรายโดยเน้นการตรวจสอบเนื้อหานโยบายเป็นหลัก ประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาคือการติดตามไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ระบุไว้ใน MOA, การตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรี และการคัดค้านนโยบายประชานิยมที่อาจสร้างภาระทางการคลังในระยะยาว นอกจากนี้ พรรคยังแสดงความห่วงใยต่อนโยบายการทำประชามติเพื่อยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในประเด็นที่ละเอียดอ่อน

 

การแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทินในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าเพียงการประกาศแนวทางการทำงาน แต่คือเวทีประลองกำลังทางการเมืองที่สำคัญก่อนการยุบสภาซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

 

จุดปะทะที่น่าจับตามองที่สุดในการอภิปราย คาดว่าจะอยู่ที่ประเด็นทางการเมืองที่อ่อนไหว เช่น กรณีที่ดินเขากระโดง และ คดีฮั้ว สว. ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมขยี้เพื่อหวังผลทางการเมืองโดยตรง รวมถึงการตรวจสอบ การใช้งบประมาณ ที่อาจถูกมองว่าเป็นการสร้างคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง และการทวงถามความชัดเจนใน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่เคยให้คำมั่นไว้

 

ท้ายที่สุดแล้ว สมรภูมิ 2 วันนี้จึงถือเป็นการเปิดฉากกำหนด "วาระ" ของการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่าจะสู้กันด้วยเรื่องปากท้องฉบับเร่งด่วน หรือจะถูกลากกลับไปสู่สมรภูมิแผลเก่าทางการเมืองที่ยังคุกรุ่นอยู่

 

ข่าวล่าสุด

เตือนข่าวปลอม “หลอกลงทุนหุ้น OR” ระวังสูญเงิน - ข้อมูลส่วนบุคคล