เปิดคำแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน คนละครึ่ง–แก้หนี้–ฟื้นท่องเที่ยว
รัฐบาลอนุทินแถลงนโยบาย มุ่งลดรายจ่าย–แก้หนี้ครัวเรือน ดันโครงการคนละครึ่ง ฟื้นท่องเที่ยว–สร้างอาชีพ พร้อมเดินหน้าประชามติรธน.
KEY
POINTS
- รัฐบาลเสนอนโยบายลดภาระค่าครองชีพผ่านโครงการคนละครึ่ง ควบคู่กับการควบคุมราคาพลังงานและสินค้าจำเป็น
- มีมาตรการแก้หนี้สินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ประชาชนรายย่อย (ไม่เกิน 1 แสนบาท) และผู้ประกอบการ SMEs (ไม่เกิน 1 ล้านบาท)
- มุ่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวโดยเน้นความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ปราบปรามการฉ้อโกง ส่งเสริมเมืองรอง และดึงดูดชาวต่างชาติให้พำนักระยะยาว
กรอบการบริหารราชการแผ่นดินและเจตนารมณ์รัฐบาล
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ส่งคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ความยาว 8 หน้า โดยระบุ “3 หลักการบริหารราชการแผ่นดิน” เป็นแกนกลาง ได้แก่
- พิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ – รัฐบาลย้ำจุดยืนปกป้องสถาบันหลักของประเทศ
- ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข – รัฐบาลพร้อมเดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
- ยึดมั่นหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล – ทุกกระบวนการใช้อำนาจรัฐต้องอยู่บนความโปร่งใสและเป็นธรรม
รัฐบาลเข้ามาทำงานท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์โลก ขณะที่งบประมาณไม่ได้จัดทำเอง และยังเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” จึงต้องบริหารด้วยความรอบคอบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวางรากฐานยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างเศรษฐกิจโปร่งใสและมั่นคง
ในประเด็น รัฐธรรมนูญ รัฐบาลประกาศชัด สนับสนุนให้มีการทำประชามติและแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยยึดเสียงประชาชนและทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วม สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นโยบายเศรษฐกิจ–ความมั่นคง
ด้านเศรษฐกิจ
- รัฐบาลตั้งเป้า “ลดรายจ่าย–เพิ่มรายได้” ผ่านมาตรการหลายด้าน เช่น
- ค่าครองชีพ : โครงการคนละครึ่ง ควบคุมราคาพลังงาน น้ำดื่ม ค่าโดยสาร และสินค้าการเกษตร
- ดิจิทัลเพื่อประชาชน : ส่งเสริม Reskill และ Upskill พัฒนาทักษะดิจิทัล ผลักดันพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือนและเกษตรกร
แก้หนี้–เพิ่มสภาพคล่อง
- หนี้ประชาชนรายละไม่เกิน 1 แสนบาท
- สินเชื่อ SMEs รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท
- สร้างระบบเข้าถึงเงินทุนพร้อมให้ความรู้ด้านการเงินและเทคโนโลยี
- การออม : เปิดโอกาสให้ทุกคนซื้อพันธบัตรรัฐง่ายขึ้น และพัฒนาสลากออมทรัพย์รูปแบบใหม่
- ท่องเที่ยว : เน้นความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ปราบโกง จูงใจให้เที่ยวเมืองรอง ปรับปรุงโรงแรมด้วยสิทธิภาษี และดึงชาวต่างชาติพำนักระยะยาว
- การค้าระหว่างประเทศ : ตั้งทีม “ไทยแลนด์” เจรจาขยายตลาดใหม่ เข้าร่วม OECD รับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ สนับสนุน SMEs–เกษตรกร พร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น AI, เซมิคอนดักเตอร์, EV, พลังงานสะอาด
ด้านความมั่นคง
- ชายแดนไทย–กัมพูชา : เดินหน้าแก้พิพาทผ่านสันติวิธี เจรจาทางการทูต พร้อมทำประชามติเรื่อง MOU ไทย–กัมพูชา
- จังหวัดชายแดนภาคใต้ : เร่งสร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัยควบคู่กับพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
- การต่างประเทศ : ยกระดับสถานะไทยในเวทีโลก เสริมความมั่นใจนักลงทุนและคู่ค้า
นโยบายสังคม–สิ่งแวดล้อม–การปฏิรูปภาครัฐ
ด้านสังคม
- ปราบปรามการพนัน : ไม่สนับสนุนให้ถูกกฎหมาย ดำเนินคดีเข้มงวดทุกชนิด รวมถึงออนไลน์และแฝงมากับกีฬา
- หลักนิติธรรม : ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นหน้าที่ ปราบยาเสพติด อาชญากรรมไซเบอร์ ข่าวปลอม และการใช้กฎหมายเพื่อการเมือง
- ต่อต้านทุจริต : ทำงานร่วม ป.ป.ช. ป.ป.ท. และภาคประชาสังคมอย่างจริงจัง
- ศาสนา : คุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น มาตรการใดต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม
ด้านภัยธรรมชาติ–สิ่งแวดล้อม
- เร่งติดตั้งระบบเตือนภัยพิบัติและฟื้นฟูผู้ประสบภัย
- ส่งเสริมการจัดการป่าและน้ำอย่างยั่งยืน
- ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2593 (2050)
- พัฒนาเกษตรเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ลดการเผา PM2.5
- จัดตั้งตลาดคาร์บอนเครดิตมาตรฐานสากล และผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม
- การบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย
- เดินหน้า รัฐบาลดิจิทัล เปิดข้อมูลภาครัฐ โปร่งใส–ทันสมัย รองรับการบริหารในภาวะวิกฤติ
- กิโยตินกฎหมาย : ยกเลิกกฎระเบียบล้าสมัยที่สร้างภาระเกินจำเป็น
- ปรับปรุงกฎหมายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รองรับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล
- ตั้งคณะทำงานติดตามผลนโยบาย เพื่อวัดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
คำแถลงนโยบาย “รัฐบาลอนุทิน” แสดงเจตนารมณ์ชัดเจน เดินหน้าด้วย 3 หลักใหญ่ พิทักษ์สถาบัน ยึดประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม ขณะเดียวกันก็เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคม ควบคู่กับปฏิรูปกฎหมายและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ “ความอยู่ดีกินดีของประชาชน” และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทย


