ภูมิธรรมสวนธนาธร ฮั้วสว.–เขากระโดงไม่คืบ อนุทินคุมมหาดไทย
‘ภูมิธรรม’ ตอบโต้ ‘ธนาธร’ หลังบอกคดีฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดงไม่เกี่ยวรัฐบาล ชี้ 2 ปีไม่คืบเพราะอนุทินคุม มท. แนะควรทบทวนคำพูดให้รอบคอบ
KEY
POINTS
- นายภูมิธรรม เวชยชัย ตอบโต้ข้อวิจารณ์ของนายธนาธร กรณีที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีความคืบหน้าในคดีฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดง
- ภูมิธรรมชี้แจงว่าความล่าช้าในคดีเขากระโดงเกิดจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ดำเนินการ
- ภูมิธรรมระบุว่าตนเพิ่งได้เริ่มดำเนินการในคดีดังกล่าวหลังจากเข้ารับตำแหน่ง โดยกล่าวโทษว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีคนก่อน
นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นถึงคดีฮั้ว สว. และเขากระโดง ว่าถ้ามีความผิดจริง ทำไมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถึงไม่สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ฟ้องร้องเอาผิด ว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่ได้เป็นรัฐบาล
"คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้ดำเนินการ เพราะต้องเริ่มต้นจากกรมที่ดิน เมื่อตนเองเข้าไปถึงได้เริ่มดำเนินการ จะพูดว่า 2 ปีไม่ทำนั้นไม่ใช่ ซึ่งนายอนุทิน ไม่ได้ทำ" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่นายธนาธรพูดก็อึ้ง และเชื่อว่าประชาชนก็อึ้งกันไปเป็นแถบ เพราะไม่ควรจะออกมาจากปากของนายธนาธร ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคประชาชนแต่คงไม่ต้องอธิบาย ต้องไปถามประชาชน ว่าเวลานี้ประชาชนรู้สึกกันอย่างไร ซึ่งนายธนาธร คงต้องไปทบทวนคำพูดเหมือนกันว่าพูดนั้นเชื่อแบบนั้นจริง ๆ หรือ พูดเพื่ออะไร ตนเองไม่ขอวิจารณ์
เมื่อถามว่าการที่นายธนาธรออกมาพูดแบบนี้ หลายคนมองว่าเป็นการปกป้องรัฐบาลมากกว่า และอาจไม่ใช่ฝ่ายค้านที่แท้จริง นายภูมิธรรม ระบุว่า สื่อถามเองตอบเองไปแล้วไม่ขอวิจารณ์ คิดว่าวันนี้ทุกคนอยู่ในสายตาพี่น้องประชาชน ใครทำอะไรไว้คนก็จดจำ
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 นายธนาธร เปิดใจต่อสองคดีการเมืองสำคัญ ได้แก่ คดีที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วเลือก ส.ว. โดยชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ทำให้พรรคต้องเลือกเส้นทางทางการเมืองในปัจจุบัน
ประเด็นเขากระโดง นายธนาธรตั้งคำถามต่อบทบาทพรรคเพื่อไทยซึ่งเคยคุมกระทรวงคมนาคม เหตุใดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่ฟ้องร้องหากมีการกระทำผิดจริง พร้อมชี้ว่าการยึดคืนที่ดินจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจำนวนมาก เพราะที่ดินไม่ได้มีเพียงแปลงเดียว จึงไม่ควรเร่งรีบตัดสินแบบขาว–ดำ
ส่วนคดีฮั้ว สว. ธนาธรมองว่าเป็นเรื่องหนักกว่า เพราะไม่เกี่ยวกับว่าใครจะเป็นรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับกลไก กกต. หากเชื่อว่ากลไกนี้ถูกควบคุม รัฐบาลใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขาเสริมว่า คดีอาญาเกี่ยวข้องกับรัฐบาลเพียงเล็กน้อย ผ่านกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แต่การดำเนินการอาจยืดเยื้อจนวาระ ส.ว. สิ้นสุดไปก่อน


