posttoday

ทำความรู้จัก! ข้อดี - ข้อเสีย 4 โมเดล "จัดตั้งรัฐบาลไทย"

08 กันยายน 2568

ทำความรู้จัก! ข้อดี - ข้อเสีย 4 โมเดล "จัดตั้งรัฐบาลไทย" พบ "รัฐบาลอนุทิน" ขาดเสถียรภาพ อ่อนแอที่สุด เสี่ยงถูกโหวตล้ม

หลังที่ประชุมสภามีมติโหวต นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง จากทั้งหมด 490 เสียง โดยในจำนวนนี้มีเสียงสนับสนุน จากพรรคประชาชน 143 เสียงที่แม้นายอนุทินจะได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคประชาชนยืนยันชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ส่งผลให้รูปแบบรัฐบาลที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็น “รัฐบาลผสมเสียงข้างน้อย”

 

จากสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ารูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลแตกต่างกันตามสมการทางการเมืองในสภา ซึ่งเป็นหัวใจในการกำหนดเสถียรภาพและทิศทางการบริหารประเทศ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ เช่น รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ รัฐบาลเสียงข้างมากส่วนเกิน

 

โดยจะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งและจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ในประเทศไทยโดยทั่วไป แบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบหลัก โพสต์ทูเดย์จะพาไปรู้จักกับรูปแบบทั้ง 4 ดังนี้

1. รัฐบาลพรรคเดียวเสียงข้างมาก

คือ รูปแบบที่พรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งชนะการเลือกตั้งและได้ที่นั่ง สส. เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด เช่น ได้ 300 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่จำเป็นต้องรวมกับพรรคอื่น

 

ข้อดี : การทำงานรวดเร็ว ตัดสินใจได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องประนีประนอมกับพรรคการเมืองอื่น สามารถผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

 

ข้อเสีย : อาจขาดการตรวจสอบถ่วงดุลจากฝ่ายค้าน เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภา เสี่ยงต่อการรวมศูนย์อำนาจในมือพรรคเดียว

 

2. รัฐบาลผสมเสียงข้างมาก

คือรัฐบาลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งจากการเลือกตั้ง จึงต้องรวมหลายพรรคเข้าด้วยกัน เพื่อให้จำนวน สส. รวมกันเกินครึ่งหนึ่งของสภา และจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

 

ข้อดี : มีเสถียรภาพทางการเมืองสูง เนื่องจากมีเสียงสนับสนุนมากเพียงพอ เปิดโอกาสให้มีการรวมแนวคิด นโยบายจากหลายพรรค

 

ข้อเสีย : กระบวนการตัดสินใจอาจล่าช้า เพราะต้องเจรจาต่อรองระหว่างหลายพรรค อาจเกิดความขัดแย้งในการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีหรือผลประโยชน์ทางการเมือง

 

3. รัฐบาลพรรคเดียวเสียงข้างน้อย

คือรัฐบาลที่จัดตั้งโดยพรรคที่มีจำนวน สส. มากที่สุด แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา พยายามจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ได้รวมเสียงจากพรรคอื่น หรือรวมแล้วแต่ยังไม่ถึงเสียงข้างมาก

 

ข้อดี : พรรคแกนนำสามารถผลักดันนโยบายของตนเองได้บ้างในระยะเริ่มต้น

 

ข้อเสีย : ขาดเสถียรภาพสูง เสี่ยงต่อการถูกฝ่ายค้านลงมติไม่ไว้วางใจ การบริหารงานติดขัดเพราะเสียงไม่เพียงพอในการผ่านกฎหมายสำคัญ

4. รัฐบาลผสมเสียงข้างน้อย

เป็นการรวมกันของหลายพรรค แต่จำนวน สส. ที่ได้ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา รัฐบาลลักษณะนี้มักเกิดจากการต่อรองทางการเมืองหรือสถานการณ์พิเศษที่ทำให้ประธานสภาหรือนายกรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ทั้งที่ไม่มีเสียงข้างมาก

 

ข้อดี : ได้บริหารประเทศในระยะเวลาสั้นๆช่วงเจรจาทางการเมือง

 

ข้อเสีย : เป็นรัฐบาลที่อ่อนแอที่สุด อยู่ได้ไม่นาน เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกโหวตล้มจากฝ่ายค้าน

 

ทั้ง 4 รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลสะท้อนให้เห็นว่า เสถียรภาพและประสิทธิภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงสนับสนุนในสภาเป็นหลัก โดยรัฐบาลเสียงข้างมาก (ทั้งพรรคเดียวและผสม) มีแนวโน้มบริหารงานได้มั่นคงกว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย

ทำความรู้จัก! ข้อดี - ข้อเสีย 4 โมเดล "จัดตั้งรัฐบาลไทย"

 

 

 

ข่าวล่าสุด

LIVE ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อีสปอร์ต FC Mobile ไทย พบ เวียดนาม นัดชิงฯ วันนี้