มติพรรคประชาธิปัตย์ “งดออกเสียง” โหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
ประชาธิปัตย์สรุปท่าทีโหวตนายกฯ 32 เลือก “งดออกเสียง” พร้อมมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ย้ำทุกข้อต้องผ่านมติพรรค
KEY
POINTS
- พรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ ส.ส. ของพรรค "งดออกเสียง" ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
- คณะกรรมการบริหารพรรคมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะร่วมกับฝ่ายใด
- นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ประกาศพร้อมลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. หากพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2568 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เรียกประชุมเพื่อหาข้อสรุปการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยที่ประชุมมีการอภิปรายกว้างขวางและมีมติร่วมกันว่า “งดออกเสียง”
ก่อนหน้านี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้อำนาจหัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจในการเข้าร่วมรัฐบาลและคัดเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตามข้อบังคับพรรค แต่ย้ำว่ายังไม่มีข้อสรุปว่าจะร่วมรัฐบาลกับฝ่ายใด การตัดสินใจต้องรอเมื่อสถานการณ์ชัดเจนมากขึ้น โดยเปรียบว่า “รอให้ฝุ่นจางแล้วค่อยเห็นภาพ”
นายเฉลิมชัยยังยืนยันว่า พรรคยังไม่ได้รับการทาบทามจากพรรคภูมิใจไทย และการเจรจาใดๆ ต้องผ่านหัวหน้าพรรคโดยตรง พร้อมปฏิเสธข่าวลือเรื่องแกนนำพรรคเข้าร่วมกับเพื่อไทยว่าเป็นเพียง “มารยาททางการเมือง” เนื่องจากยังทำงานใน ครม. ร่วมกัน
ขณะเดียวกัน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ย้ำว่ามติให้หัวหน้าพรรคมีอำนาจตัดสินใจเกิดจากเวลาที่กระชั้นชิด แต่หากประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคภูมิใจไทย ตนพร้อมลาออกจาก ส.ส. เพราะถือเป็นการ “ทรยศต่อชาติและประชาชน” โดยให้เหตุผลจากประสบการณ์ตรงในคดีที่ดินเขากระโดงและการจัดทำงบประมาณที่ไม่เท่าเทียม
นอกจากนี้ยังวิจารณ์ปัญหา “คดีฮั้ว ส.ว.” โดยชี้ว่า ส.ว.กลุ่มเดียวกันเป็นผู้เลือก กกต. และองค์กรอิสระ หากยังคงโครงสร้างนี้ ประเทศจะเผชิญวิกฤตทางการเมือง แม้พรรคการเมืองใดจะได้เสียงข้างมากถึง 400 ที่นั่งก็อาจไม่สามารถบริหารประเทศได้


