เปิดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการประชุมสภาโหวตเลือกนายกฯคนที่ 32
เปิดขั้นตอน-หลักเกณฑ์ การประชุมสภาโหวตเลือกนายกฯคนที่ 32 ระหว่าง “อนุทิน-ชัยเกษม” ขณะที่แคนดิเดตนายกฯมีจำนวน 5 คน
สภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แทน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับขั้นตอนการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดไว้ว่า
1. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่จะถูกเสนอชื่อมาโหวตต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคการเมืองนั้นจะต้องเป็นพรรคที่มี สส. 25 คนขึ้นไป
พรรคการเมืองที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ในตอนนี้ คือ
1.พรรคเพื่อไทย –ชัยเกษม นิติสิริ
2.พรรคภูมิใจไทย –อนุทิน ชาญวีรกูล
3-4. พรรครวมไทยสร้างชาติ -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
5.พรรคประชาธิปัตย์ -จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
2. บุคคลที่ถูกเสนอชื่อต้องมี สส. รับรองอย่างน้อย 50 คน
3. การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการ ลงคะแนนโดยเปิดเผย ด้วยการขานชื่อ สส. ตามลำดับอักษร และให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน (เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ-งดออกเสียง)
ซึ่งบุคคลที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา ปัจจุบันมีจำนวน สส. 492 คน (ฝ่ายรัฐบาล 253 คน ฝ่ายค้าน 239 คน) จึงต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 247 เสียงขึ้นไป
4. หลังจากที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้นำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป
ทั้งนี้ ประธานสภาฯ จะนัดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีผู้ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ไว้
แคนดิเดตที่ถูกเสนอชื่อและไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำในสมัยประชุมเดียวกันได้อีก (อ้างอิง กรณีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยมีการเสนอชื่อสองครั้ง เเละในครั้งที่ 2 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สส.-สว.) ระบุเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 ว่าเสนอชื่อเพื่อลงมติซ้ำไม่ได้ )


