ทหารไทยเหยียบระเบิดชายแดน ดร.ปณิธานแนะฟ้องอาเซียน-ยูเอ็น
ดร.ปณิธานแนะรวบรวมข้อมูลฟ้องอาเซียน ยูเอ็นปมทหารไทยเหยียบกับระเบิดกดดันกัมพูชา จัดตั้งทีมสังเกตการณ์เป็นกลาง
KEY
POINTS
- เหตุการณ์กับระเบิดเป็นยุทธวิธีของกัมพูชา: ดร.ปณิธานชี้ว่าการวางทุ่นระเบิดเป็นหนึ่งในยุทธวิธีเพื่อยึดครองพื้นที่และขัดขวางการทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ชายแดน
- แนวทางแก้ไขปัญหาผ่านเวทีระหว่างประเทศ: ไทยควรใช้ข้อมูลการบาดเจ็บของทหารเป็นหลักฐานยื่นต่ออาเซียนและ UN เพื่อสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาอนุญาตให้มีการเก็บกู้ระเบิด
- การจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์เพื่อสันติภาพ: แนวทางที่สำคัญที่สุดคือการจัดตั้งทีมผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง โดยเริ่มจากผู้ช่วยทูตทหารในระยะแรก และขยายไปสู่ทีมจากประเทศสมาชิกอาเซียนและมหาอำนาจในระยะยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสันติภาพที่ยั่งยืน
กรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เกิดเหตุการณ์สลดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อกำลังพลจาก ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่บ้านโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีทหารได้รับบาดเจ็บรวม 3 นาย ได้แก่ จ.ส.อ. ธานี พาหา หัวหน้าชุด บาดเจ็บสาหัสข้อเท้าซ้ายขาด, พลฯ ภาคภูมิ ไชยสุระ บาดเจ็บที่แขนและด้านหลัง, และพลฯ ธนันชัย ไกรวงค์ บาดเจ็บจากแรงอัดและแก้วหู
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศและความมั่นคง ได้วิเคราะห์เหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นยุทธวิธีซับซ้อนของกัมพูชา ที่อาจต้องการยึดพื้นที่และขัดขวางการทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งการขาดผู้สังเกตการณ์นี้เองที่ทำให้เกิดปัญหาการกล่าวหากันไปมา เช่น กรณีกล่าวหาเรื่องการใช้หนังสติ๊กยิงลูกแก้ว
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ ดร.ปณิธานได้เสนอแนวทางเชิงรุกให้ประเทศไทย รวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ที่ทหารได้รับบาดเจ็บทั้งหมดและนำส่งให้แก่องค์การอาเซียนและสหประชาชาติ เพื่อสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาเปิดทางสำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นอกจากนี้ยังเตือนถึงความเสี่ยงจาก ทหารพรานหรือทหารบ้าน ซึ่งเป็นกองกำลังอิสระที่เคลื่อนไหวตามแนวชายแดน และอาจเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งเพิ่มเติมได้


