ภูมิธรรม ปัดกลั่นแกล้ง ทำตามกฎหมายปมที่ดินเขากระโดง-อัลไพน์
"ภูมิธรรม" รมว.มหาดไทย ยืนยันการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง พร้อมใช้มาตรฐานเดียวจัดการที่ดินอัลไพน์และกรณีอื่น ๆ ที่เป็นของรัฐ
KEY
POINTS
- นายภูมิธรรม เวชยชัย ยืนยันว่าการดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นการทำตามกฎหมายที่ค้างคามานาน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง
- รมว.มหาดไทย ระบุว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจสอบและจัดการปัญหาที่ดินทุกกรณี รวมถึงกรณีที่ดินอัลไพน์ โดยจะดำเนินการตามคำสั่งศาลเป็นหลัก
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ดินเขากระโดง โดยประสานงานกับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมเอกสาร และพิจารณาความผิดที่อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่าการดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นการดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องที่ค้างคามานาน โดยระบุว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของรัฐมาตั้งแต่ต้นตามคำพิพากษาของศาล ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์จากนางกรุณา ชิดชอบนั้น นายภูมิธรรมยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
สำหรับแนวทางการเยียวยาภาคเอกชนที่ใช้ที่ดินเพื่อสร้างสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่ายังไม่สามารถตอบได้ และต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการพิจารณาร่วมกัน
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่ดินอัลไพน์ โดยยืนยันว่าจะใช้ มาตรฐานเดียวกัน ในการตรวจสอบและจัดการกับทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น และจะดำเนินการตามคำสั่งศาล หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จะกลับมาทบทวนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบกรณีที่ดินเขากระโดง โดยมีการประสานงานกับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รฟท., กรมที่ดิน, สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอเอกสารและข้อมูลการถือครองโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว โดยให้กรอบเวลา 15 วันในการส่งข้อมูล
เป้าหมายของการสืบสวนคือการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน และพิจารณาความผิดที่อาจเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากอาจมีการใช้เอกสารสิทธิ์เพื่อการค้าและได้รับผลตอบแทนทางการเงิน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หลังจากได้รับข้อมูลครบถ้วน DSI จะลงพื้นที่จริงร่วมกับ รฟท. เพื่อตรวจสอบและพบปะบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนิติบุคคลที่ครอบครองที่ดินกว่าพันไร่ในบริเวณสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
ในส่วนของคดีนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนหลังจากมีผู้ยื่นหนังสือถึงอธิบดี DSI ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาเกิดเหตุ โดยกล่าวหาว่ามีการจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อออกโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ DSI ยังรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ที่สนามบินส่วนบุคคล ต.ขนงพระ จ.นครราชสีมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับรันเวย์ (Runway) โดยได้ประสานขอข้อมูลจาก 5 หน่วยงาน แต่ผ่านมาเกือบเดือนยังไม่มีหน่วยงานใดส่งข้อมูลให้ จึงเตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าในเร็วๆ นี้


