"ภูมิธรรม"ยันรัฐบาลกองทัพเป็นเอกภาพ ไม่หวั่นปมสว.ยื่นถอดนายกฯ
ภูมิธรรม ไม่หวั่น สว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดนายกฯแพทองธาร ปมคลิปฮุนเซน ยันรัฐบาล–กองทัพเป็นเอกภาพ พร้อมเดินหน้าปรับคณะรัฐมนตรีสร้างเสถียรภาพใหม่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงถึงสถานการณ์การเมืองหลังมีความเคลื่อนไหวจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นคำร้องขอถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
นายภูมิธรรมระบุว่า “ไม่รู้สึกกังวลใจ” กับกระบวนการทางกฎหมายดังกล่าว เพราะมองว่าคดีที่ถูกยื่นยังไม่มีน้ำหนักหรือหลักฐานเพียงพอจะนำไปสู่การวินิจฉัยอย่างเป็นรูปธรรม โดยบางประเด็นที่นำมากล่าวหา ยังไม่ได้เห็นรายละเอียดชัดเจน และบางข้อกล่าวหาก็ไม่ใช่การกระทำโดยตรงของนายกรัฐมนตรีเอง
“เราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าห่วง สิ่งที่ควรให้ความสำคัญตอนนี้ คือการเดินหน้าทำงานร่วมกัน เพื่อให้บ้านเมืองผ่านช่วงเวลาสำคัญนี้ไปได้” นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมเน้นว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับ “ความเป็นเอกภาพของคนไทยทั้งประเทศ” ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคร่วมรัฐบาลยังคงรวมตัวเหนียวแน่น
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรมยังกล่าวยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและกองทัพ “ไม่มีปัญหาใด ๆ” โดยมีการประชุมหารือร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และมีการมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพในแต่ละภาครับผิดชอบการดูแลพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานการณ์ไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน
“ขอย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพทำงานร่วมกันเสมอ ไม่ใช่ภาพที่ฝ่ายหนึ่งเดินหน้า แต่อีกฝ่ายนิ่งเฉยตามที่บางคนพยายามบิดเบือน” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นคงของรัฐบาล ภายหลังเกิดการถอนตัวของบางพรรคการเมือง นายภูมิธรรมตอบอย่างมั่นใจว่า “รัฐบาลยังมั่นคง 100 เปอร์เซ็นต์” และเชื่อว่าการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ จะยิ่งทำให้เห็นภาพการบริหารแบบใหม่ที่มีพลังและแตกต่างจากที่ผ่านมา
ต่อกรณี ส.ว. ยื่นถอดถอนนายกฯ
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ลงนามในหนังสือยื่นต่อ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน โดยอ้างว่าอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและจริยธรรมร้ายแรง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ส.ว. และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภา ได้ออกแถลงการณ์ร่วม พร้อมรวบรวมรายชื่อ ส.ว. ที่เห็นควรให้นายกรัฐมนตรีลาออก โดยกล่าวหาว่านายกฯ แสดงพฤติกรรมขาดภาวะผู้นำ และมีแนวโน้มไม่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติ
คำร้องระบุว่า เนื้อหาในคลิปเสียงมีการพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็น “คนละฝ่าย” และมีท่าทีอ่อนข้อให้กับผู้นำกัมพูชา จึงถูกมองว่าอาจเป็นการดูหมิ่นกองทัพไทย และลดทอนความมั่นคงของชาติ ทั้งยังอาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมาตรา 170 ว่าด้วยการสิ้นสุดสถานภาพ
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการทหารยังชี้ว่า การกระทำของนายกฯ อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา รวมถึงมาตรา 257 ซึ่งเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการแสดงความขัดแย้งกับแม่ทัพภาคที่ 2 ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ ขัดกับหลักคุณธรรมของผู้นำประเทศ
ม็อบ 28 มิ.ย. – รัฐบาลไม่หวั่น
นายภูมิธรรมยังตอบคำถามถึงกระแสข่าวการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ โดยระบุว่า “การชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีเหตุผล” พร้อมเตือนว่า หากมีเจตนาจะก่อความไม่สงบหรือบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
“ประเทศชาติเจ็บช้ำมามากพอแล้ว เรากำลังเผชิญปัญหาสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งบริเวณชายแดน การคุกคามทางเศรษฐกิจ หรือภัยความมั่นคงทางพลังงาน เช่น การปิดอ่าวน้ำมันในบางภูมิภาคของโลก” นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกติกาและไม่ใช้วิธีการใดที่ซ้ำเติมสถานการณ์
“หากใครมีทัศนคติ วิจารณ์ หรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็สามารถแสดงออกในกรอบของกฎหมายได้ แต่ไม่ควรใช้การชุมนุมเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วน เพราะสิ่งที่กัมพูชาต้องการเห็นมากที่สุดในเวลานี้ คือความอ่อนแอของเราเอง”


