posttoday

รัฐประหารเงียบ นิติสงครามในเงามืด ภัยคุกคามรัฐบาลแพทองธาร

15 มิถุนายน 2568

กลไกกฎหมายและองค์กรอิสระถูกใช้เป็นเครื่องมือเปลี่ยนผ่านอำนาจ การทุจริตงบฯ ส่อแวววิกฤตล้างบางนักการเมือง นำประเทศสู่ความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหม่

KEY

POINTS

  • รัฐประหารเงียบยึดอำนาจผ่านนิติสงคราม โดยใช้กลไกกฎหมาย ไม่ใช่กำลังทหาร
  • รัฐประหารเงียบกำลังคุกคามเสถียรภาพรัฐบาล ล้างบาง ส.ส. ส.ว. เปลี่ยนผู้นำ
  • ตัวอย่างต้องใช้นิติสงครามทุจริตงบฯ โยกเงินDigital Wallet ตั้งกองทุนดูแลอดีตนักการเมือง 
  • นอกจากนิติสงคราม ยังมีปัญหาอาณาเขต และกระบวนการฮั้วสว.

รายงานพิเศษ: "รัฐประหารเงียบ" ภัยคุกคามประชาธิปไตยผ่านกลไกกฎหมาย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา วาทกรรมเกี่ยวกับการ "รัฐประหารเงียบ" ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง คำกล่าวอ้างนี้ไม่ได้หมายถึงการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจโดยตรงเช่นในอดีต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นผ่านการใช้กลไกทางกฎหมายและองค์กรอิสระ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นภัยคุกคามที่บั่นทอนหลักการประชาธิปไตยอย่างเงียบเชียบแต่ทรงพลัง

นิติสงคราม: หัวใจของ "รัฐประหารเงียบ"
แก่นแท้ของแนวคิด "รัฐประหารเงียบ" คือการทำ "นิติสงคราม" หรือการใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), และศาลคดีทุจริตฯ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการนี้ โดยถูกมองว่าอาจเป็นช่องทางในการสร้างความชอบธรรมให้กับการเปลี่ยนแปลงอำนาจโดยปราศจากการใช้กำลัง

เป้าหมาย การขับเคลื่อน

มีการวิเคราะห์ว่าเป้าหมายหลักของการขับเคลื่อน "รัฐประหารเงียบ" ในสถานการณ์ปัจจุบันคือการ "ล้างบาง" นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงการนำไปสู่การเปลี่ยนตัวผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร

กระบวนการเหล่านี้มักเชื่อมโยงกับความขัดแย้งเชิงโครงสร้างทางอำนาจ ทั้งจากปัญหาภายในประเทศและบางครั้งอาจเกี่ยวพันกับประเด็นละเอียดอ่อนด้านอาณาเขตและผลประโยชน์ทับซ้อน

กรณีศึกษาที่ถูกจับตา

หลายกรณีที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมาถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มของ "รัฐประหารเงียบ" อาทิ:

การร้องเรียนทุจริตงบประมาณ: กรณีที่ ป.ป.ช. รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณโครงการจัดการน้ำในปี 2565 มูลค่า 584 ล้านบาท โดยมีการกล่าวหาว่ามีการจัดสรรงบประมาณให้กับ ส.ส. ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่ห้ามนักการเมืองมีส่วนได้เสียในงบประมาณ

โครงการ Digital Wallet: การยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอนคณะรัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. จากการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. สืบเนื่องจากการโยกงบประมาณ 35,000 ล้านบาท (ซึ่งเดิมเป็นงบชำระหนี้) ไปใช้ในโครงการ Digital Wallet แม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายก็ตาม

งบประมาณดูแลอดีตสมาชิกรัฐสภา: กรณีการแปรญัตติงบกลาง 1,256 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งกองทุนดูแลอดีตสมาชิกรัฐสภา ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง ที่ห้าม ส.ส. หรือ ส.ว. แปรญัตติงบประมาณเพื่อประโยชน์ของตนเอง

ผลกระทบและวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น

หากองค์กรอิสระมีคำวินิจฉัยหรือชี้มูลความผิดในกรณีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ย่อมส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศ:

สิ้นสุดสมาชิกภาพและเพิกถอนสิทธิ์: ส.ส. และ ส.ว. ที่เกี่ยวข้องอาจต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพและถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการสมัครรับเลือกตั้งในอนาคต
 

คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง: หากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรีโดยรวม อาจนำไปสู่การพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

การชดใช้เงินงบประมาณ: ผู้กระทำผิดอาจต้องรับผิดชอบชดใช้เงินงบประมาณที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
 

การ "ล้างสภา" หรือ "รีเซตการเมือง": ในกรณีที่มีนักการเมืองจำนวนมากถูกเพิกถอนสิทธิ์ อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า "การล้างสภา" หรือ "รีเซตการเมือง" ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ หรือเลวร้ายที่สุดคือความกังวลว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้

ความไม่แน่นอนทางการเมือง: วิกฤตที่อาจเกิดขึ้นจากการ "รัฐประหารเงียบ" จะสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน นักลงทุน และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานานาชาติ
 
"รัฐประหารเงียบ" สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบอบประชาธิปไตยที่ถูกท้าทายด้วยการตีความและบังคับใช้กฎหมายโดยองค์กรอิสระ ซึ่งอาจมีเจตนาหรือถูกบงการเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง

การทำความเข้าใจถึงกลไกและผลกระทบของปรากฏการณ์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมตระหนักถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และร่วมกันหาทางป้องกันมิให้ประชาธิปไตยไทยต้องเผชิญกับวิกฤตที่เกิดจากการ "ยึดอำนาจ" อย่างไร้เสียงปืน.

ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นสุดสัปดาห์

ข่าวล่าสุด

คลัง ยันยุบสภาฯไม่สะดุดเศรษฐกิจ ชี้กระทบปี 69 วงจำกัด คาด GDP โต 2%