ปชน. ซัด! รัฐบาลเพื่อไทย เบี้ยวขึ้นค่าแรง ปีแรกพอทน ปีที่สองพอเลย
'พรรคประชาชน' ซัด! รัฐบาลเพื่อไทย ปมเบี้ยวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 ทั้งที่เป็นนโยบายหาเสียงสำคัญ ตัดพ้อ "ปีแรกพอทน ปีที่สองพอเลย"
พรรคประชาชน เปิดเผยกรณี รัฐบาลเพื่อไทยเบี้ยวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท พร้อมตัดพ้อ ปีแรกพอทน ปีที่สองพอเลย
โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า รัฐบาลเพื่อไทยบริหารประเทศใกล้ครบสองปี แต่หนึ่งในนโยบายสำคัญที่ใช้หาเสียงอย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเป็นไปได้ แม้แต่ขึ้นค่าแรง 400 บาททุกอาชีพทั่วประเทศ วันนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น
นายกฯ มักชี้แจงว่าการปรับค่าแรงทั่วประเทศขึ้นอยู่กับคณะกรรมการค่าจ้างหรือ “บอร์ดค่าจ้าง” และต้องคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงความสามารถของธุรกิจในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่อาจพอรับฟังได้สำหรับการบริหารประเทศในปีแรกที่ต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมหรือประเมินผลกระทบให้รอบด้านก่อนดำเนินนโยบาย
แต่จนใกล้ครบปีที่สอง ประชาชนควรได้รับความชัดเจน เห็นแผนงานไทม์ไลน์ของการปรับขึ้นค่าแรงตามที่รัฐบาลหาเสียง รัฐบาลกลับยังไม่แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำนโยบายนี้ให้สำเร็จแม้แต่น้อย
ในทางกลับกัน สิ่งที่พี่น้องแรงงานได้เห็นคือผู้นำประเทศที่ลอยตัว โยนภาระให้คนอื่น ในวันแถลงนโยบายของนายกฯ แพทองธาร ไม่มีเรื่องขึ้นค่าแรงตามที่เคยหาเสียงอยู่ในคำแถลงด้วยซ้ำ เมื่อถูกสื่อมวลชนจี้ถาม นายกฯ ก็โยนเรื่องนี้ให้บอร์ดค่าจ้าง ส่วนรัฐมนตรีแรงงานออกมายอมรับเมื่อขึ้นค่าแรงไม่ได้ตามที่พูดและขอให้ประชาชนรอดูคราวหน้าไปเรื่อยๆ
การประชุมบอร์ดค่าจ้างที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีว่าการผลักดันนโยบายขึ้นค่าแรงทั่วประเทศในรัฐบาลนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ โดยนับตั้งแต่แพทองธารเป็นนายกฯ มีการประชุมบอร์ดค่าจ้างอย่างน้อย 4 ครั้ง
ในจำนวนนี้ 2 ครั้ง การประชุมล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบ, 1 ครั้งมีการประชุมแต่ไม่เคาะเรื่องขึ้นค่าแรง 400 บาท อ้างว่าต้องประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ และล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน การประชุมล่ม (อีกแล้ว) เพราะองค์ประชุมไม่ครบ ต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มิถุนายน 2568
นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอว่าหากรัฐบาลยังเหลือความจริงจังอยู่บ้างในการผลักดันนโยบายนี้ให้สำเร็จตามที่พูด ต้องประกาศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ
เรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยทั้งฝั่งลูกจ้าง นายจ้าง หน่วยงานรัฐ เพื่อหาข้อตกลงเรื่องการขึ้นค่าแรงที่ลูกจ้างได้รับความเป็นธรรม นายจ้างยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้ และรัฐมีมาตรการช่วยเหลือประคับประคองอย่างเป็นระบบ
หากรัฐบาลมีเจตจำนงทางการเมืองที่จะขึ้นค่าแรงเพื่อพี่น้องแรงงาน เราเชื่อว่าข้อเสนอที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นได้ แต่หากรัฐบาลยังมุ่งบุกน้ำลุยไฟเข็นบางนโยบายที่ไม่ได้หาเสียงและเล่นเก้าอี้ดนตรีภายในพรรคร่วมรัฐบาลโดยไม่มีประโยชน์ของพี่น้องแรงงานอยู่ในสมการ
"การขึ้นค่าแรงคงเป็นได้เพียงนโยบายบนป้ายหาเสียง ตราหน้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชุดนี้ตลอดไป" นายเซีย จำปาทอง กล่าว


