เปรียบเทียบท่าทีนายก ไทย-กัมพูชา ต่อการสนทนากับประธานอาเซียน
เปรียบเทียบท่าที “แพทองธาร” ขอบคุณประธานอาเซียน เห็นพ้องไทย - กัมพูชา ใช้สันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี ด้าน “ฮุน มาเนท” ยืนยันนำประเด็นพื้นที่พิพาทขึ้นศาลโลก
หลังจากเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โทรศัพท์หารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จ ฮุน มาเนท นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยประธานอาเซียนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ พร้อมขอให้ใช้ความอดกลั้นและร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีในทุกมิติ
ต่อมา นางสาวแพทองธาร โพสต์ข้อความผ่าน โซเชียลมีเดีย ระบุว่า
”ขอบคุณท่านนายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ที่ได้โทรศัพท์มาสอบถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และพร้อมให้ความช่วยเหลือในการเจรจาระหว่างกันค่ะ ดิฉันได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว และการปกป้องอธิปไตยของไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศค่ะ“
ขณะที่สมเด็จ ฮุน มาเนท โพสต์ข้อความ ถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า
“เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ฯพณฯ ดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยข้าพเจ้าได้แสดงความยินดีต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่มาเลเซียประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 และการประชุมระดับสูงที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยที่ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้
ข้าพเจ้าได้แจ้งให้ ฯพณฯ อันวาร์ ทราบถึงจุดยืนของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเกี่ยวกับประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชาและประเทศไทย ดังต่อไปนี้:
1. กัมพูชายึดมั่นในหลักการแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีต่อประเทศไทย อย่างต่อเนื่องและจริงใจ
2. การตัดสินใจของกัมพูชาในการนำกรณีปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊จ ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย เสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณานั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสวงหาทางออกที่สงบ ถาวร และยุติธรรมสำหรับปัญหาชายแดนในพื้นที่ดังกล่าว โดยมิได้มีเจตนาเพื่อยืดเยื้อสถานการณ์ความไม่แน่นอน ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะทางทหารอีกครั้ง
3. กัมพูชายังคงให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในการเร่งรัดกระบวนการกำหนดและปักปันเขตแดน (ยกเว้นพื้นที่ทั้งสี่ที่กล่าวข้างต้น) ผ่านคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชา-ไทย (JBC)
4. กัมพูชายังคงรักษาความสัมพันธ์กับประเทศไทยผ่านกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ในปัจจุบันทุกช่องทาง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ“


