'ภูมิธรรม'ยื่นข้อเสนอกัมพูชาถอยจากจุดพิพาท-อย่ายั่วยุงสงคราม
"ภูมิธรรม"ยื่นข้อเสนอฝ่ายไทยให้กัมพูชาถอยกำลังกลับไปพื้นที่เดิมที่เคยตกลงกันปี 2024 บริเวณศาลาตรีมุข ย้ำไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงคราม
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการหารือกับ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่า เป็นการพูดคุยในฐานะผู้นำฝ่ายความมั่นคง เพื่อหาทางลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน และหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรง
นายภูมิธรรมระบุว่า การพบกันครั้งนี้ถือเป็นการหารือส่วนตัวครั้งแรก โดยได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายถอยกลับไปยังแนวพื้นที่เดิมตามที่เคยตกลงกันไว้เมื่อปี 2024 คือบริเวณศาลาตรีมุข ซึ่งห่างจากจุดปัจจุบันประมาณ 150–200 เมตร และในการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะต้องนำแผนที่และข้อมูลทั้งหมดมาหารือร่วมกัน หากยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ก็เสนอให้ส่งเจ้าหน้าที่ JBC ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์จริง
“เรายืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ไม่ต้องการสงคราม แม้ไม่กลัวหากต้องเผชิญ แต่ก็ไม่ต้องการให้ความสูญเสียตกอยู่กับทหารแนวหน้าและประชาชนในพื้นที่” นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของไทย และรับไปหารือกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ทั้งนี้ นายภูมิธรรมย้ำว่า ไทยยังคงยึดแนวทางแก้ไขปัญหาในกรอบทวิภาคี ไม่ยอมรับการยกประเด็นเข้าสู่ศาลโลก เพราะไม่รับอำนาจศาลดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503
สำหรับกรณีที่มีนักวิชาการเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาพิเศษ นายภูมิธรรมระบุว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งในระดับคณะทำงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้ (6 มิ.ย.) สมช.มีการประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และจะสรุปแนวทางนำเสนอรัฐบาล
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรมยังชี้แจงถึงกรณีที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากบางฝ่าย หลังมีภาพการพบปะกับฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่า ไม่ควรใช้ประเด็นนี้โจมตีการทำงานของฝ่ายความมั่นคง เพราะเป็นการพูดคุยเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ใช่การยอมถอยหรือลดศักดิ์ศรี
“ผมไม่ได้กลัวสงคราม แต่ขอให้รู้ว่าสงครามไม่เคยนำมาซึ่งผลดีเลย อย่าไปยั่วยุ อย่าสร้างกระแสที่บั่นทอนความพยายามในการรักษาสันติภาพ เพราะสิ่งที่ตามมาคือความสูญเสียของคนไทยทั้งประเทศ” นายภูมิธรรม กล่าว


