เปิด 'ตัวเลข' องค์ประชุม 'แพทยสภา' วานนี้ เค้ารางทางรอด 'ทักษิณ'
เปิดตัวเลของค์ประชุม 'แพทยสภา' วานนี้ กรณีมีมติเกือบเอกฉันท์ฟันผิดแพทย์ชั้น 14 ฟันศึกนี้ยังไม่จบ เค้ารางทางรอด 'ทักษิณ' ยังมีหรือไม่!
หลังจากที่ แพทยสภา แถลงผลการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการพักรักษาตัวของ 'ทักษิณ' ที่ชั้น 14 โดยมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ราย ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย
หลังจากนี้ กระบวนการต่อไปจะเป็นการยื่นมติดังกล่าวให้แก่สภานายกพิเศษ ได้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติต่อไป ซึ่งจะใช้เวลาอีก 15 วัน ซึ่งรมว. มีสิทธิยังยั้งมติดังกล่าว และส่งคืนกลับมาให้ทางกรรมการแพทยสภาพิจารณา และลงมติอีกครั้ง ซึ่งจะใช้เสียง 2 ใน 3 เพื่อที่จะยืนยันมติเดิม
คาดเดาแนวทางรอด 'ทักษิณ' จาก 'ตัวเลข' องค์ประชุม!
แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นท่าทีของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุขว่าจะใช้สิทธิในการยับยั้งมติดังกล่าวหรือไม่ แต่ 'จุดสังเกต' สำคัญ ที่อาจจะส่งผลหรือทำให้คาดเดาได้ น่าจะอยู่ที่จำนวนคะแนนมติที่ลงเสียงเมื่อวานนี้
เพราะหากเกิดกรณี รมว.กระทรวงสาธารณสุข ออกสิทธิ 'ยับยั้ง' มติดังกล่าว มติจะต้องย้อนกลับไปที่กรรมการแพทยสภาเพื่อลงเสียงอีกครั้ง และหากจะยืนยันมติเดิมจะต้องใช้เสียง 2 ใน 3
สำหรับจำนวนสมาชิกกรรมการแพทยสภามีอยู่ 70 คน จำนวนสมาชิก 2 ใน 3 ที่จะยืนยันมติ หากเกิดกรณีการคัดค้านได้จะอยู่ที่ 47 คน ซึ่งเป็นการนับจำนวนจากกรรมการแพทยสภาทั้งหมด ไม่ใช่ 2 ใน 3 ของคนที่เข้าประชุม
ทั้งนี้ จากที่ โพสต์ทูเดย์ รับรู้มาบรรยากาศการประชุมกรรมการแพทยสภาวานนี้ มีจำนวนผู้ที่เข้าการประชุมเพื่อออกเสียง น่าจะหายไปเกือบ 20 คน บวกกับกลไกการโหวต ทำให้เหลือตัวเลขผู้ที่จะลงเสียงได้ลดลงอีก ซึ่งไม่ขอระบุตัวเลขที่แน่ชัด แม้ว่าจำนวนของผู้ที่เข้าประชุมที่สามารถโหวตได้ มติที่ออกมา 'เกือบเป็นเอกฉันท์' คือหายไปเพียงแค่ 1 เสียง
แต่จากข้อมูลตัวเลขที่มิอาจเปิดเผยได้อย่างชัดเจนที่ทราบมานี้ โพสต์ทูเดย์ นำมาคำนวนแล้ว บอกได้แค่ว่า 'หากมีการคัดค้านจากรมว.กระทรวงสาธารณสุข' ยังมีความไม่แน่นอน และพอเห็นเค้ารางเกมพลิกได้!
การหายไปของกรรมการแพทยสภาเกือบ 20 คน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด
นอกจากต้องตั้งคำถามว่า หายไปไหน? ทำไมไม่ทำหน้าที่? แล้ว จะต้องรอดูว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะกลับมาใช้เสียงของท่านหรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช้ก็เท่ากับว่า 'งดออกเสียง' ซึ่งทำให้เสียง 2 ใน 3 เกิดความสุ่มเสี่ยง หรือถ้าใช้จะใช้ไปในแนวทางใด!
ทั้งนี้ หมอหวิว ชัญวลี ศรีสุโข หนึ่งในกรรมการแพทยสภา ได้โพสต์บนสื่อโซเชียลมีเดีย ระบุใจความตอนหนึ่งว่า
" ในเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ในความทรงจำของหมอหวิว กรรมการแพทยสภาโดยการเลือกตั้ง สภานายกพิเศษยับยั้งมติแพทยสภาน้อยครั้งมาก
ครั้งที่ 1 เกือบสิบปีก่อน เป็นเรื่องของแพทย์ผู้อุ้มบุญอย่างผิดกฎหมาย ทางกรรมการแพทยสภาลงมติให้พักใช้ สภานายกพิเศษ ยับยั้งและเสนอให้ยึดใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ครั้งนั้นเมื่อมีการประชุมแพทยสภาก็เป็นไปตามสภานายกพิเศษยับยั้งคือยึดใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หลังจากนั้น 2 ปีแพทย์ท่านนั้นได้มาขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมและได้รับการอนุญาต
ครั้งที่ 2 เป็นการยับยั้งของสภานายกพิเศษต่อ การลงโทษ เรื่องมาตรฐานการประกอบวิชาชีพวิชาการ ของคุณหมอท่านหนึ่งซึ่งทางกรรมการแพทยสภา ในปัจจุบันกำลังดำเนินการ
อย่างไรก็ตามจำนวนเสียง 2ใน3 เพื่อยืนยันมติแพทยสภา ที่สภานายกพิเศษวีโต้นั้น โดยทั่วไปเป็นการยาก เพราะกรรมการแพทยสภาผู้เข้าประชุม ผู้มีสิทธิโหวต และผู้โหวต ยืนยัน มติตนเอง มักจะมีจำนวนไม่ถึง2ใน3
เพราะจะมีส่วนหนึ่งมีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนหนึ่งไม่ขอโหวตจากเหตุผลต่างๆ
กรรมการแพทยสภาที่เหลือต้องโหวตเป็นเอกฉันท์เท่านั้นจึงจะยืนยันมติ
สำหรับคดีชั้น 14 ถ้ามีการยับยั้งจากสภานายกพิเศษ การจะยืนยันมติ ของการลงโทษของแพทยสภาจะต้องมีเสียงเกิน 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด คือ 70×2÷3 =47เสียง แม้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมายับยั้งไม่ได้เพราะ จำนวนผู้โหวตเห็นด้วยที่จะยืนยันมติ มีไม่ถึงจำนวน 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภา จึงต้องทำตามที่สภานายกพิเศษเสนอ
สำหรับกรณีคดีชั้น 14 แม้ตอนนี้คาดเดาไม่ได้ ว่าจะเดินทางต่อไปอย่างไร แต่หากสภานายกพิเศษใช้สิทธิยับยั้ง อยู่ที่หัวใจของกรรมการแพทยสภาแต่ละท่านแล้ว ว่าจะหนักแน่นมั่นคงเพียงใด ที่จะผนึกกำลังรวมเสียง จำนวน47คน เพื่อยืนยันมติอันถูกต้องชอบธรรมของตนเอง"