“นายกฯอิ๊งค์” แถลง ผลจับกุมยานรก 7,961 คดี พร้อมของกลางล็อตใหญ่
“นายกฯอิ๊งค์” ร่วมแถลง ผลจับกุมยานรก 7,961 คดี จับ ผู้ต้องหารวม 8,100 คน พร้อมของกลางล็อตใหญ่ ยึดทรัพย์สิน มูลค่ารวม 389 ล้านบาท
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ร่วมแถลงผลจับกุมยาเสพติดคดีสำคัญโดย ตำรวจภูธรภาค 1 ได้ทำการสืบสวนจับกุมยาเสพติดได้รวมจำนวน 7,961 คดี
จับกุมผู้ต้องหารวม 8,100 คน พร้อมของกลาง ยาบ้ารวม 96 ล้านเม็ดเศษ ยาไอซ์รวม 3,496 กก. เคตามีนรวม 42 กก. และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่ารวม 389 ล้านบาทเศษ สำหรับผลการจับกุมรายสำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 21 ม.ค.68 จับกุมทีมลำเลียงยาเสพติด “เจ้าโย วายร้าย 15” ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 35 กก. และคีตามีน 34 กก. จับกุมที่บริเวณริมถนนทางหลวงชนบทสาย นย.2024 (สระบุรี - นครนายก) ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จว.นครนายก ต่อเนื่องบ้านพัก ต.คลองใหญ่ อ.องครักษ์ จว.นครนายก
2. เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 จับกุมทีมโกดังยาเสพติด “เสือเปรม ปชน.” ได้ผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 217 กก. ยาบ้า 560,000 เม็ด ยาอี 3,163 เม็ด เคตามีน 88 กรัม จับกุมที่บริเวณลานจอดรถภายใน ปิยรมณ์อพาร์ทเม้น ซ.งามวงศ์วาน 23 แยก 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ต่อเนื่องห้องพักภายในปิยรมณ์อพาร์ทเม้น ซ.งามวงศ์วาน 23 แยก 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
3. เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 จับกุมแหล่งพักคอย “ทีมโกดังป่างิ้ว อ่างทอง” ได้ผู้ต้องหารวม 5 คน ตรวจยึดยาบ้า 8.4 ล้านเม็ด จับกุมที่โกดังพักยาเสพติด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
4. เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 จับกุมยาเสพติด เครือข่าย “แจ็ค หนองไผ่” ได้ผู้ต้องหา 4 คน ตรวจยึดยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด จับกุมที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.โคกลำพาน อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
5. เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 ร่วมกับ บช.ปส. สกัดจับรถลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ได้ผู้ต้องหารวม 3 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 2,464 กก. สกัดจับได้ที่จุดสกัดตู้ยาม ต.02 หมู่ ๔ ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
6. เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 ตรวจยึดยาไอซ์ 520 กก. ภายในโกดังไม่มีเลขที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
7. เมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 ตรวจยึดยาบ้า 4.4 ล้านเม็ด ได้ผู้ต้องหารวม 2 คน จับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
8. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 ตรวจยึดยาไอซ์ 262 กก. ได้จากรถยนต์กระบะที่ประสบเหตุอุบัติเหตุ ที่บริเวณถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
9. เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 68 จับกุมรถขนยาไอซ์จากภาคอีสาน มุ่งหน้าเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ได้ผู้ต้องหา 2 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 200 กก. จับกุมได้ที่ในพื้นที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
โดยในวันนี้ แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ซี่งเป็นผู้ลำเลียงยาเสพติด นำมาพักคอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถทำการจับกุมได้ในวันที่ 7 พ.ค.68 มีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุม รถบรรทุกเทรลเล่อร์ขน ยาเสพติดในพื้นที่ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 ชุดขยายผลฯ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล
จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มลูกค้าที่เคยรับยาเสพติดจากรถบรรทุกเทรลเล่อร์คันดังกล่าว ได้นำยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ภายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เฝ้าติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเรื่อยมา
จนกระทั่ง ในวันที่ 7 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 06.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ผลการตรวจค้นพบ
1) ยาบ้า 40 กระสอบ คิดเป็นจำนวนยาบ้าประมาณ 8,732,000 เม็ด
2) ยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 720 กิโลกรัม
จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายแบ็ค (นามสมมติ) อายุ 32 ปี
โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป
ตำรวจภูธรภาค ๑ จะได้เร่งรัดสืบสวนปราบปราม และ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอย รวมทั้งจะเข้มงวดกวดขันสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่องต่อไป และใคร่ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด
สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป


