"ธีรวุฒิ" ยื่น สมุด "หัวคะแนน" ให้ กกต. สอบโกงเลือกตั้งเชียงใหม่
"ธีรวุฒิ" ยื่นสมุดจดรายชื่อ "หัวคะแนน" ให้ กกต. ตรวจสอบทุจริต เลือกตั้งนายกเทศมนตรี เชียงใหม่ หลัง "ชัยธวัช" แฉ! พบสมุดรายชื่อ-ค่าใช้จ่ายหัวละ 200 บาท
นายธีรวุฒิ แก้วฟอง หรือชื่อเล่น “เหมา” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พรรคประชาชน เดินทางยื่นหลักฐานสมุดบันทึก ที่อาจนำไปสู่การทุจริตเลือกตั้ง และขอให้สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการตรวจสอบ
นายธีรวุฒิ กล่าวว่า สมุดดังกล่าว มีรายชื่อชาวบ้าน และตัวเลขยอดเงินจ่ายให้แต่ละรายชื่อ ทีมงานหาเสียงได้พบสมุดดังกล่าวที่วัดพวกแต้ม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 68
การนำสมุดดังกล่าวมายื่นวันนี้ เพื่อให้ กกต.ที่มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนโดยตรง ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบว่า เจ้าของสมุดจะเข้าข่ายความผิดการเลือกตั้งหรือไม่
และเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หรือทุจริตการเลือกตั้ง ที่มายื่นสมุดดังกล่าวก่อนลงคะแนนเลือกตั้งจะดีที่สุด เพราะหากใครคิดจะทำผิดการเลือกตั้งจะได้หยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายได้ และหากใครเป็นเจ้าของก็มารับได้ที่ สนง.กกต.เชียงใหม่ได้
ด้านนายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กกต. พร้อมรับการร้องเรียน และจะสืบสวน สอบสวน ความจริง ของเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วน
การยื่นขอตรวจสอบกรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้อำนวยการอาวุโสคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ภาพลงใน x เป็นภาพสมุดจดลิสต์รายชื่อหัวคะแนนเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่
โดยนายชัยธวัชระบุว่า เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทีมหาเสียงเทศบาลนครเชียงใหม่พรรคประชาชนได้ไปเจอสมุดเล่มหนึ่งที่ทีมหาเสียงของอีกพรรคทำหล่นไว้ ในนั้นมีการจดข้อมูลสำหรับหาเสียงหลายอย่าง เช่น รายการที่คาดว่าอาจจะเป็นรายชื่อหัวคะแนนที่รับผิดชอบขนคนมาฟังปราศรัยกับค่าใช้จ่ายหัวละ 200
นอกจากนี้ในสมุดยังมีเอกสารแนบที่เป็นลิสต์รายชื่อกับทะเบียนบ้านและเบอร์โทรของคนในเขตเลือกตั้งที่อาจจะเป็นลิสต์หัวคะแนน หรือรายชื่อที่จดไว้สำหรับซื้อเสียง ซึ่งในวงการเรียกกันว่า “ทำเส้น” พรุ่งนี้ทีม ปชน.เชียงใหม่จะไปยื่นหนังสือถึง กกต. ให้ตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง
ผู้สมัคร ส.ท.คนไหน พรรคไหนลืมไว้ สามารถไปขอเอาเอกสารคืนได้ที่ กกต.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป