กกต. มีมติส่งเรื่อง "หมอเกศ" ให้ศาลฎีกา เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับเรื่องร้องเรียนและดำเนินการสืบสวนไต่สวนกรณี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย แจ้งคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาว่าสำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต (ด็อกเตอร์) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

 

ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนพบว่า การจะใช้คำนำหน้า "ด็อกเตอร์" จะต้องเป็นการศึกษาในสถาบันจริงและได้รับวุฒิบัตรที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง แต่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่กล่าวอ้างใช้วิธีการให้ส่งรายงานและเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

 

กรณีนี้มีการดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้:

 

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567: กกต. มีมติรับเรื่องร้องเรียนเป็นสำนวนการสืบสวนไต่สวน

 

วันที่ 31 ตุลาคม 2567: นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กกต. ครั้งแรก

 

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567: กกต. พิจารณาอีกครั้ง และให้สำนักงานฯ ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเนื่องจากข้อมูลยังไม่ครบถ้วน

 

ต้นเดือนเมษายน 2568: นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ว่าจะพิจารณาคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน

 

วันที่ 30 เมษายน 2568: กกต. มีมติส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

 

บทลงโทษตามกฎหมาย

 

การดำเนินการของ กกต. เป็นไปตามมาตรา 62 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และการกระทำความผิดที่กล่าวหาเป็นไปตามมาตรา 77 (4) ของกฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งระบุว่า:

 

ผู้ที่กระทำการหลอกลวง หรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัคร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

 

หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง พญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

 

นอกจากกรณีนี้ พญ.เกศกมล ยังถูกร้องเรียนในประเด็นเกี่ยวกับการฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่ง กกต. ยังไม่ได้พิจารณา คาดว่าจะมีการรวมพิจารณากับกรณีที่ กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อตรวจสอบกระบวนการฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด