posttoday

ดีเอสไอ ส่ง"โพยฮั้วเลือกสว." ให้ กกต. พบ 138 รายชื่อ เอี่ยวทุจริต

21 มีนาคม 2568

DSI ส่งสำเนาโพยฮั้ว ส.ว. ชุด A และ B"ให้ กกต.พบรายชื่อ ส.ว. 138 คน และสำรอง 2 คน มีความผิดทางกฎหมายฐานอั้งยี่ เข้าข่ายทุจริตเลือกสว.ดำเนินคดีฟอกเงินแยกจากความผิดมูลฐานได้

KEY

POINTS

  • DSI แจ้ง กกต. และส่ง "สำเนาโพยฮั้ว ส.ว. ชุด A และ B" ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ
  • ตรวจพบรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา 138 คน และสำรอง 2 คน ตรงกับข้อมูลในโพย
  • ความผิดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อั้งยี่ (มาตรา 209) และอาจเข้าข่าย ทุจริตเลือกตั้ง  
  • กกต. มีอำนาจสืบสวนข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  
  • คดีฟอกเงินแยกต่างหากจากความผิดมูลฐานทำได้โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาในความผิดมูลฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฮั้วเลือกสว. หลังมีการกำหนดรับเป็นคดีพิเศษ ที่ 24/2568 ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ นัดประชุมครั้งแรกกับสำนักงานอัยการสูงสุด ในวันนี้ (21มี.ค.68) เพื่อหารือแนวทางการสอบสวนคดีอาญาฐานสมคบฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้ว สว.67 

ก่อนหน้านี้ เมื่อ17มีนาคม 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถึงการรับคดีฮั้วเลือกสว.มีการส่ง"สำเนาโพยฮั้วสว.ชุดAและชุดB" ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ตามมาตรา 4 และ มาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 

หลักใหญ่ใจความสำคัญ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งถึงประธานกกต.ระบุว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบรายชื่อ หมายเลขในโพยตามหลักฐาน "สำเนาโพยฮั้วสว.ชุดAและชุดB" พบว่าเป็นรายชื่อ  ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 138 และสำรอง2คน...

นอกจากพฤติการณ์ของการกระทำความผิดฐานอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา209แล้ว มีมูลน่าเชื่อว่า เป็นการทุจริตในการเลือกตั้งหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่นอันทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และเป็นหน้าที่และอำนาจของกกต.ดำเนินการสืบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานทั้งคดีอาญา หรือการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกสิทธิเลือกตั้ง ตามนัยมาตรา62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561

ส่วนการดำเนินคดีพิเศษฐานฟอกเงินที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดกฎหมายหลายบทและเกี่ยวข้องกับความผิดหลายกรณี รวมถึงฐานอั้งยี่ (มาตรา 209) และความผิดอื่นตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 

กรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งถึงประธานกกต.ว่า ไม่จำเป็นต้องมีการดำเนินคดีหรือคำพิพากษาในความผิดมูลฐานก่อนจึงจะดำเนินคดีฐานฟอกเงินได้ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2566 และ 2965/2563 ดีเอสไอ ยืนยันว่าการดำเนินคดีฟอกเงินสามารถแยกต่างหากจากความผิดมูลฐานได้

ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงแจ้งการรับเรื่องเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 และส่งข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาตาม พ.ร.ป. การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 และ พ.ร.ป. คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และ 49 ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กกต.  

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี