posttoday

ลุ้น รัฐสภาถกส่งศาลรธน. ตีความอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256

16 มีนาคม 2568

วิป 3 ฝ่ายนัดประชุมร่วมรัฐสภา 17 มี.ค. ถกญัตติส่งศาลตีความทำประชามติแก้รธน.ลุ้นเพื่อไทยต้องหาเสียงเพิ่มหรือพับแผน

วันที่17 มี.ค. 2568 รัฐสภาเปิดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังองค์ประชุมล่มเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

 

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ยังไม่มีการพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 256 เพื่อจัดตั้ง สสร. เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ว่ากระบวนการนี้สามารถเดินหน้าโดยไม่ต้องทำประชามติก่อนได้หรือไม่

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อ13-14 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐสภามีวาระพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ ส.ว. เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้เสนอญัตติด่วนให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อน 

ทว่าญัตติดังกล่าวถูกโหวตให้ไม่เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน ส่งผลให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยใช้กลยุทธ์วอล์กเอาต์ นำไปสู่การล่มของการประชุม

 

การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายพิจารณาญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ 2ฉบับ ได้แก่

 

1. ญัตติของ สว. เปรมศักดิ์ เพียยุระ ที่ตั้งคำถามว่า รัฐสภามีอำนาจเดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ และหากทำได้ สามารถทำประชามติควบคู่กับการลงมติรัฐธรรมนูญใหม่ได้หรือไม่

 

 

2. ญัตติของ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส. เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล ที่เสนอคำถามเพียงข้อเดียวว่า รัฐสภามีอำนาจเดินหน้าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยไม่ต้องทำประชามติก่อนได้หรือไม่

ปัญหาหลักที่เพื่อไทยต้องเผชิญคือ คะแนนเสียงสนับสนุนในการโหวตครั้งนี้ เนื่องจากผลโหวตเมื่อเดือนก่อนชี้ให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยคุมเสียงข้างมากไม่ได้ และหากยังไม่สามารถเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล เช่น ภูมิใจไทย หรือดึงเสียง ส.ว. มาเพิ่มได้ ก็อาจเผชิญกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง

 

ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยประเด็นนี้แล้วในปี 2564 ว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำประชามติ “ก่อน” และ “หลัง” 

 

แต่ยังมีข้อถกเถียงว่าคำว่า “ก่อน” หมายถึงก่อนพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 256 หรือก่อนใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้ประเด็นนี้ถูกนำกลับมาถกเถียงอีก

 

หากการประชุมรัฐสภาลงมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ก็จะเป็นรอบที่สามของคำถามเดิม แต่หากโหวตไม่ผ่าน เท่ากับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคต่อไป

 

การประชุมวันที่17 มี.ค.68 จะจบลงแบบไหน? เพื่อไทยจะหาเสียงเพิ่มได้หรือไม่? หรือ...จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้ง? 

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%