แฉต่อ! กองทุนประกันสังคม ซื้อตึก 7,000 ล้าน พร้อมหนี้อีก 2,000 ล้าน
‘รักชนก-สหัสวัต’ แฉต่อ! กองทุนประกันสังคม ซื้อตึก 7,000 ล้าน พร้อมหนี้อีก 2,000 ล้าน เตรียมยื่น ‘พิพัฒน์’ สอบข้อเท็จจริง
จากกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาตอบโต้กรณีสองสส.พรรคประชาชน น.ส.รักชนก ศรีนอก และ นายสหัสวัต คุ้มคง เปิดเผย ปมกองทุนประกันสังคมซื้อตึกราคา 7,000 ล้าน ทั้งที่ ราคาประเมินเพียงแค่ 3,000 ล้าน
11 มี.ค. 2568 น.ส.รักชนก เดินทางไปสำนักงานใหญ่ประกันสังคม(จ.นนทบุรี) เพื่อติดตามการประชุมบอร์ดประกันสังคม และได้เปิดเผยกับสื่อมวลชลว่า การแถลงเรื่องตึกย่านพระราม 9 เมื่อวานนี้ เราไม่ได้มีเจตนาขัดขวางเรื่องการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดหากสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุ้มค่าอย่างแท้จริง เงิน กำไร เข้ากองทุนแน่นอน ไม่ใครขวาง แต่เมื่อเรามีบทเรียนแล้วว่าการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดสามารถถูกแทรกแซงได้โดยฝ่ายการเมืองเพื่อซื้อของแพงเกินราคา
ดังนั้นการพิจารณาร่างประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด จากเดิมที่ลงได้ 10,000 ล้านบาท จะปรับเพิ่มเป็น 137,000 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย มีมูลค่ามากกว่า 10 เท่าของก้อนเดิมที่จะขยายขึ้นมา
นายสหัสวัต กล่าวว่า ตัวเลข 3,000 ล้านบาท มาจากการประเมินมูลค่าบริษัท ประกันสังคมไม่ได้ซื้อตึกแต่ซื้อบริษัทที่ถือครองตึกนี้ซึ่งมีการประเมินราคาสินทรัพย์ก่อนจะเข้าซื้อในราคา 3,000 กว่าล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อบริษัทนี้ไม่ได้ซื้อแต่อสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทมีหนี้สินอยู่ 2,080 ล้านบาท ซึ่งกองทุนประกันสังคม ซื้อบริษัทและตึกพร้อมหนี้สินทั้งหมด
ส่วนที่นายสุชาติออกมาพูดทำนองว่า คนที่ออกมาพูดไม่มีความรู้นั้น นางสาวรักชนก กล่าวว่าตนเองอาจไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนก็จริง เพราะตนเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ตนเองขอให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วประเทศ ออกมาพูดว่าในกรณีนี้ อย่าเชื่อเพียงเพราะตนเองออกมาพูดสามารถไปตรวจสอบได้เลย
"ถ้าท่านมีสติ คงไม่มีใครที่จะยอมควักเงิน ในราคา 7,000ล้าน เพื่อซื้อของในราคา 3 ,000 ล้าน แถมยังมีหนี้มาอีก คงไม่มีคนสติดีที่ไหนอยากจะซื้อของที่แพงกว่ามูลค่าของมัน จะหากเห็นว่ามันคุ้มค่าขนาดนั้นท่านเอาเงินของท่านควักซื้อตึกวันนี้เลยไหม"
ทั้งนี้ประเด็นที่นายสุชาติบอกว่า รัฐมนตรีมีอำนาจในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการลงทุน เพียงแต่มีสิทธิลงนามแต่งตั้งเท่านั้น นางสาวรักชนก กล่าวว่าคนเป็นรัฐมนตรีจะไม่มีปัญญาในการออกนโยบาย หรือแต่งตั้งโยกย้ายในสัดส่วนของราชการเลยหรือ ส่วนตัวเชื่อว่านายสุชาติ สามารถคุมเสียงในบอร์ดได้เป็นอย่างดีในก่อนหน้านี้
นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า บอร์ดในยุคนายสุชาติมาจากการแต่งตั้ง และหลายคนอยู่ในบอร์ดเป็นที่ปรึกษาของท่านเอง จะบอกว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้จริงหรือ การบอกว่าไม่รู้ ท่านจำคนของตนเองไม่ได้หรือ
ในยุคของนายสุชาติไม่รู้เอาความมั่นใจการลงทุนมาจากไหนว่าจะบริหารได้ แต่สุดท้ายก็ขาดทุน ท่านบอกว่าไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ในบทความที่ท่านออกมาตอบโต้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับกองทรัสต์ สรุปรู้หรือไม่รู้เรื่องกันแน่
“จัดรายการสักรายการให้ผมกับท่านสุชาติคุยกันเจอกันต่อหน้า ถ้าท่านมั่นใจว่าไม่เกี่ยวจริง ผมคิดว่าคนชลบุรีรู้ดีว่า ท่านสุชาติเป็นคนอย่างไร ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปแข่งขันกับท่านในชลบุรีเพราะธุรกิจที่ท่านทำผมคงไม่มีศักยภาพไปทำด้วยอยู่แล้ว”
น.ส.รักชนก ระบุอีกว่า อย่าคิดว่าประชาชนโง่ อย่าคิดว่าผู้ประกันตนจะเป็นแค่แรงงาน เป็นแค่พนักงานออฟฟิศแล้วจะตามไม่ทัน หรือจะรู้ไม่ทัน แน่นอนว่าหากเขามีเสียงเดียว เขาอาจจะสู้แรงชูกำลังของฝ่ายการเมือง ฝ่ายราชการผนึกกำลังกันไม่ได้
มีรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้เวลา 16.00 น. น.ส.รักชนก และนายสหัสวัต จะไปยื่นเอกสารถึงนายพิพัฒน์ รัชกิตประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ตรวจสอบเรื่องตึกย่านพระราม 9 ชี้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นายพิพัฒน์จะแสดงความจริงใจ ไม่ใช่แค่ พูดแต่ปากอย่างเดียว
หากมีการตรวจสอบทั้งตนเอง นายสหัสวัต และผู้ประกันตนทุกคนสรรเสริญ แต่หากท่านไม่ทำตามที่พูด คงอาจจะโชคร้ายที่เป็นรัฐมนตรีอีกท่านที่ถูกก่นด่า “ท่านเลือกได้ว่า รัฐมนตรี เป็นฮีโร่หรือเป็นแบบคนเก่า"


