เกรียงไกร เล็งยื่นถอดทวี ปมสอบฮั้วเลือกสว.กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ มอบฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลยื่นฟ้องภาครัฐ เอกชน ปมยื่นดีเอสไปรับฮั้วเลือกสว.ปี67 เป็นคดีพิเศษและเตรียมยื่นซักฟอกถอดถอนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ประเด็นกล่าวหาเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ มอบฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลยื่นฟ้องภาครัฐ เอกชน ปมยื่นดีเอสไปรับฮั้วเลือกสว.ปี67 เป็นคดีพิเศษและเตรียมยื่นซักฟอกถอดถอนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ประเด็นกล่าวหาเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาทั้งภาครัฐและเอกชน กรณียื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภาปี 2567 เป็นคดีพิเศษ ซึ่งทำให้วุฒิสภาเสียหายและถูกเข้าใจผิด
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการวุฒิสภาจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ และที่มาของข้อกล่าวหาร้ายแรงที่พาดพิงถึงวุฒิสภาในประเด็นอั้งยี่ซ่องโจร อาชญากรรม และภัยต่อความมั่นคง
นอกจากนี้ จะมีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินงานของดีเอสไอในเรื่องนี้มีเหตุผลและความถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ จะมีการหารือกับสมาชิกวุฒิสภาอีกครั้ง แต่คาดว่าจะสามารถอภิปรายได้ภายในสมัยประชุมนี้
เมื่อถูกถามว่าจะมีการอภิปรายเฉพาะพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพียงคนเดียวหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ระบุว่า พันตำรวจเอกทวีเป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่ยังต้องพิจารณาว่าใครอยู่เบื้องหลัง
พร้อมทั้งเผยว่าวุฒิสภาจะพิจารณารวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าเสียงสนับสนุนจะเพียงพอ
เมื่อถูกถามว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองที่มุ่งหวังล้มวุฒิสภากลุ่ม "สีน้ำเงิน" หรือไม่ พลเอกเกรียงไกรระบุว่า ประเด็นดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางส่วน แต่ย้ำว่าข้อกล่าวหานี้ส่งผลให้วุฒิสภาเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงจำเป็นต้องจัดแถลงข่าวด่วนระหว่างการสัมมนาที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
"ผมทำงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 38 ปี แต่เมื่อได้เห็นข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ ตนรับไม่ได้ สมาชิกวุฒิสภาท่านอื่นก็เช่นกัน พวกเราทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและปฏิบัติตามหลักการของรัฐธรรมนูญปี 2560" พลเอกเกรียงไกรกล่าว
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกวุฒิสภาแล้ว และได้ตั้งเป็นคดีสืบสวน หากพบว่าเข้าข่ายความผิดที่มีลักษณะเป็นกระบวนการองค์กร หรือส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ก็สามารถยกระดับเป็นคดีพิเศษได้
อย่างไรก็ตาม หากคดีเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หน่วยงานดังกล่าวอาจเข้ามารับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการแจ้งเรื่องไปยัง กกต. หลายครั้งเกี่ยวกับข้อร้องเรียนว่าการเลือกตั้ง ส.ว. อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. รวมถึงกฎหมายอาญาหลายมาตรา
ล่าสุด กกต. ตอบกลับว่ากระบวนการสอบสวนต้องดำเนินการตามมาตรา 49 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เช่น การทำโพยและการฮั้วกันในการเลือก ส.ว. ซึ่งมีพยานหลักฐานเป็นเอกสาร
“มีผู้ร้องเรียนเข้าพบผม พร้อมนำโพยรายชื่อมาให้ตรวจสอบ พบว่ากลุ่มที่ 1 ตั้งแต่หมายเลข 1-20 มีการฮั้วกัน โดยมี ส.ว. จำนวน 138 คน และ ส.ว. ลำดับสำรองอีก 2 คน ซึ่งเป็นพยานเอกสารที่ไม่มีใครสามารถทำขึ้นมาเองได้ ทั้งหมดจะต้องเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า ดีเอสไอทำงานโดยยึดหลักความยุติธรรม ไม่มีอคติ และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่ออำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคง
ทั้งนี้ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าคดีมีมูลเพียงพอหรือไม่
ในการตรวจสอบ ดีเอสไอได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทยเข้าร่วมวิเคราะห์ โดยพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าหากไม่มีการฮั้วกัน ผลคะแนนไม่ควรจะตรงกันขนาดนี้
“การเลือกคน 10 คน ควรมีการสลับกันบ้าง แต่ในกรณีนี้ลำดับตรงกับโพยทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกิดข้อสงสัย”
เมื่อถูกถามว่าเรื่องนี้ได้รับการพิจารณาเป็นคดีพิเศษแล้วหรือยัง พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า คณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วย 21 คนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น อัยการสูงสุด สำนักงานกฤษฎีกา นายกสภาทนายความ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“เราเพียงต้องการให้การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ถ้าสมาชิกวุฒิสภาไม่สบายใจ ก็สามารถเชิญผมไปชี้แจงได้ ทั้งนี้ การรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีว่า “คนจากต่างถิ่นต่างที่ มารวมตัวกันได้อย่างไร และทำไมถึงพักโรงแรมเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ต้องมีคำตอบ ซึ่งบางส่วนเรามีหลักฐานแล้ว”
สำหรับกรณีที่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ระบุว่า อาจมีการขอเข้าชื่อเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.อ.ทวี ในสภาฯ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า “ผมยินดีชี้แจง”
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ดีเอสไอไม่ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กกต. แต่หากพบประเด็นที่เกี่ยวข้องก็จะส่งให้ กกต. ดำเนินการ ส่วนความผิดฐานอื่น เช่น การฟอกเงิน หรือความผิดที่อยู่นอกอำนาจของ กกต. อาจต้องพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป.


